ไม่พบผลการค้นหา
'กลุ่มจับตาการเลือกตั้ง' ใช้ช่องทางออนไลน์จัดการปัญหาข่าวปลอม พร้อมพูดคุยบริษัทโซเชียลมีเดียร่วมหาทางป้องกัน

กลุ่มจับตาการเลือกตั้งของอินเดียเรียกร้องให้ผู้ใช้งานสมาร์ตโฟนกว่า 400 ล้านบัญชี ร่วมมือกันต่อสู้การโกงการเลือกตั้งและข่าวปลอมท่ามกลางการเลือกตั้งของประเทศประชาธิปไตยที่มีประชากรมากที่สุดในโลก

คณะกรรมการการเลือกตั้งของอินเดียจัดเตรียมแอปพลิเคชันถึง 12 แอปพลิเคชัน เพื่อเป็นแพลตฟอร์มให้ประชาชนรายงานการกระทำความผิด เช่น การซื้อเสียง การข่มขู่ และ การให้ข่าวปลอมบนโซเชียลมีเดีย การเลือกตั้งครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (11 เมษายน) ที่ผ่านมา และจะดำเนินไปอีกกว่า 5 สัปดาห์

อินเดีย

ตามข้อมูลจากกลุ่มจับตาการเลือกตั้งของอินเดีย ปัจจุบันมียอดการฟ้องร้องการกระทำความผิด ผ่านแอปพลิเคชัน ซีวิจิล (cVigil) มากกว่า 70,000 คดี และมากกว่าสองในสามถูกตรวจสอบว่าเป็นการกระทำความผิดจริง แต่กลุ่มจับตาการเลือกตั้งมีเจ้าหน้าที่ประจำที่คอยตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียง 400 คนเท่านั้น ในขณะที่การเลือกตั้งครั้งนี้อาจมีผู้มาใช้สิทธิถึง 900 ล้านคน ทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องออกมาขอความช่วยเหลือจากประชาชนท้องถิ่น รวมถึงอาจารย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายล้านคนมาช่วย

อย่างไรก็ตาม เหล่าอาสาสมัครที่คณะกรรมการการเลือกตั้งขอความช่วยเหลือกว่าหลายล้านคนก็ไม่สามารถเอาชนะพลังของประชาชนชาวเน็ตจากหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตของตลาดสมาร์ตโฟนที่รวดเร็วที่สุดในโลก เมื่อมีการรายงานการกระทำผิด อาสาสมัครกลุ่มจับตาการเลือกตั้งในพื้นที่จะเข้าไปตรวจสอบทันที 

กลุ่มอาสาสมัครเป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่การยึดถุงเงินมูลค่ากว่า 34.7 ล้านรูปี หรือประมาณ 15.92 ล้านบาท บนรถโดยสารของรัฐบาล ทั้งยังตรวจพบเงินมูลค่า 18 ล้านรูปี หรือประมาณ 8.26 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในที่จอดรถของบ้านพักเจ้าหน้าที่รัฐ นับเป็นผลงานที่โดดเด่นจากกลุ่มจับตาการเลือกตั้งฃ

ความร่วมมือเพื่อทางออก

อินดีย

ประเทศอินเดียประสบปัญหาข่าวปลอมเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สำนักวิจัยพิว ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทางการเมืองที่สำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ออกมาเปิดเผยผลการสำรวจว่า ร้อยละ 39 ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่า โทรศัพท์มือถือส่งผลบวกต่อการเมือง ขณะที่ร้อยละ 21 มองว่า เป็นผลลบ 

ล่าสุด กลุ่มจับตาการเลือกตั้งเข้าพูดคุยกับตัวแทนจากบริษัทโซเชียลมีเดีย เช่น วอตซ์แอป ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก และมีการเรียกร้องให้มีมาตรการป้องกัน เช่น การกำหนดโทษต่อการกระทำความผิดต่างๆ

อ้างอิง; Bloomberg

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: