ไม่พบผลการค้นหา
"ปารีณา" ยันไม่ไกล่เกลี่ย ไม่หวั่นแม้ถูกฟ้องหมิ่น เชื่อมีคดีน้อยกว่า ส.ส.หญิงของอนาคตใหม่

นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์และจำเลย ในคดีที่นางสาวพรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวปารีณา ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 กรณีโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2562 กล่าวหา นางสาวพรรณิการ์ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครช่วงวันที่ 2-3 สิงหาคม 2562 และความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยนางสาวปารีณา ยืนยันว่าไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด ขอให้ว่ากันไปตามกระบวนยุติธรรม แต่อยากให้โจทก์มาที่ศาลด้วย ไม่ควรอ้างนู้นนี่หรือไปออกทีวี แต่ควรให้ความร่วมมือกับศาล โดยศาลนัดทั้งโจทก์และจำเลยอีกครั้งในวันที่ 30 มีนาคม 2563 อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ทางทนายของโจทก์ได้เข้ามาพูดคุยเพื่อขอประนีประนอม แต่ตนปฏิเสธไป อีกทั้งตนยังได้รับความเสียหายมากกว่า จากการที่โจทก์ไปออกทีวีว่าจะฟ้องตน ซึ่งก็ขอให้เป็นไปตามนั้น และมั่นใจว่า นางสาวพรรณิการ์ มีคดีเยอะกว่าตนแน่นอน และจากที่สังเกตพฤติกรรมของนางสาวพรรณิการ์ ไม่มีความเกรงกลัวต่อกฏหมาย และระบุด้วยว่า เพราะมีนักการเมืองผู้หญิงบางคนที่ไม่เกรงกลัวพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นจะไปเกรงกลัวอะไรกับแค่คดีบนเฟซบุ๊ก

ส่วนคดีการบุกรุกพื้นที่ สปก. ตนได้มอบหมายให้ทนายความของพรรคพลังประชารัฐเป็นผู้ดูแล หากใครมีคำถามสามารถติดต่อได้เลย แต่ยืนยันว่า ไม่กังวลใจใดๆทั้งสิ้น หลังจากพรรคส่งทนายมาดูแล ซึ่งตนได้พูดคุยถึงข้อกฏหมายก็รู้สึกสบายใจ 100 % สำหรับการโพสต์ข้อความที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาทดังกล่าว นางสาวปารีณา ได้ใส่ภาพประกอบ 3 ภาพ โดยภาพแรกเป็นภาพนางสาวพรรณิการ์กับนายธนาธร และบุคคลที่สาม โดยได้วงกลมไว้บริเวณหน้าบุคคลที่สาม เพื่อให้ประชาชนที่เข้ามาอ่านโพสต์ของจำเลยเข้าใจว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์วางระเบิด พร้อมระบุข้อความว่า “ฟ้องด้วยภาพ! มือวางระเบิดใครเป็นเจ้าภาพ” ภาพที่สอง เป็นภาพถ่ายนางสาวพรรณิการ์ ลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนประชาชจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมใส่ข้อความว่า “อีช่อลงไป” และข้อความอื่นๆ อันเป็นเท็จ 

โดยศาลรับฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 โดยพิจารณาว่าเฟซบุ๊ก ของนางสาวปารีณา ได้ตั้งค่าการเข้าถึงแบบสาธารณะซึ่งประชาชนหรือบุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปดูได้ ซึ่งการนำภาพโพสต์ดังกล่าวมาประกอบเพื่อเชื่อมโยงว่าโจทก์ คือ นางสาวพรรณิการ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัย ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

อ่านเพิ่มเติม