ไม่พบผลการค้นหา
ธนารักษ์เตรียมนำอาคารเก่าโบราณกว่า 200 หลัง เปิดให้เอกชน หน่วยงานพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่ม นำร่อง 'ตึกเขียวอยุธยา' หนุนพัฒนาเป็นบูทีคโฮเตล ร้านกาแฟ หรือสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์

สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เตรียมกำหนดแนวทางนำอาคารเก่าแก่โบราณสถาน มีความสวยงามเชิงสถาปัตยกรรมและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ นำออกมาให้เอกชน และหน่วยงานต่างๆ ประมูลเพื่อพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่ม 

โดยได้สำรวจพบว่าทั่วประเทศมีอาคารเก่าแก่ แต่ยังคงสภาพนำไปพัฒนาได้ประมาณ 200 หลัง จึงต้องทำการสำรวจศักยภาพอาคารเหล่านั้น หากปล่อยทิ้งร้างหรือทำลายจะเสียประโยชน์

ตัวอย่างเช่น ตึกเขียวขุนพิทักษ์ จ.พระนครศรีอยุธยา มีกระแสข่าวตามโซเชียลว่าเป็นบ้านผีสิง จึงเหมาะแก่การนำมาพัฒนาเป็นบูทีค โฮเตล ร้านกาแฟ สปา ร้านอาหาร หรือปรับให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ หรือสร้างประโยชน์ภายใต้ข้อกำหนดการอนุรักษ์อาคารโบราณ 

"กรมธนารักษ์ไม่ต้องการรื้ออาคารเก่าแก่ เพราะมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม ควรนำพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม หากยังไม่ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากร ไม่ได้จำกัดว่า ต้องนำไปพัฒนาอย่างไรบ้าง โดยสามารถพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติมด้วย อาคารทันสมัย เพิ่มเติมเข้าไป แต่โครงสร้างเดิมต้องอนุรักษ์ตามข้อกำหนด โดยมีเจ้าหน้าที่กำกับดูแลไม่ให้ผิดแบบไปจากเดิม" นายอำนวยกล่าว 

นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า อาคารที่กรมธนารักษ์ได้สำรวจแล้วทั่วประเทศ มีประมาณ 200 หลัง ซึ่งอาคารที่มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ ทำเลดีมีอยู่กว่า 60 หลัง โดยเป็นพื้นที่ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ประมาณ 21 หลัง เช่น อาคารวังบ้านดอกไม้ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นต้น

นอกจากนั้นจะเป็นอาคารที่อยู่ในภูมิภาค เช่น อาคารกรมศุลกากร อำเภอหนองคาย จังหวัดหนองคาย เป็นต้น 

ทั้งนี้ แม้ว่าเงินค่าธรรมเนียมหรือรายได้จากค่าเช่าอาคารเหล่านี้อาจไม่สูงมากนัก แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ประโยชน์อันทรงคุณค่าของอาคารเก่าแก่ควรได้รับการอนุรักษ์ไว้ เมื่อเปิดให้ภาคเอกชนประมูลพัฒนา ไม่ปล่อยให้รื้อถอนทำตามวัตถุประสงค์ของตัวเอง ขณะนี้เทรนด์ ของการนำอาคารเก่ามาพัฒนา ผสมกับแนวสมัยใหม่กำลังได้รับความนิยม จึงเป็นอีกโครงการหนึ่งในการสร้างเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้กับรัฐบาล

นางสาวอมรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังเดินหน้านำกำแพงเมือง คูเมือง 1,400 แห่งทั่วประเทศ นำมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพราะหลายจังหวัดได้มีกำแพงเมือง คูเมืองเก่านับพันปีหลายแห่ง ขณะนี้ได้ทะยอยกำหนดแนวเขตให้ชัดเจน บางแห่งเหมาะแก่การเสนอให้เป็นมรดกโลกได้ด้วย เมื่อกำหนดเขตชัดเจนจะลดปัญหาการบุกรุกของชาวบ้าน และบางส่วนจะได้จัดสรรให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ชัดเจน เนื่องจากพบว่า หากเปิดให้เอกชนมาประมูล พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือสถานที่สำคัญ จะสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวได้อีกหลายแห่ง 

ภาพประกอบจากเว็บไซต์ ayutthayastation.com