ไม่พบผลการค้นหา
"ชวลิต" ติง "สมคิด" ถ้ายุบสภาเลือกตั้งภายใต้กติกาเดิม เท่ากับซ้ำเติมวิกฤตโควิด-19 แนะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นประเทศ และหากจะมีการปรับ ครม.ให้เลือกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติดีเข้ามาบริหารงาน

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ยุบสภาเพื่อให้ประชาชนเลือก ส.ส. เลือกผู้บริหาร เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจหลังไวรัสโควิด นั้น

ขอเรียนว่า บริบทกติกาทางการเมืองระหว่างไทยกับสิงคโปร์ต่างกันมาก ถ้าประเทศไทยจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายใต้กติกาเดิม คือ รัฐธรรมนูญปี 2560, พ.ร.บ.เลือกตั้ง ฯ และ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จะส่งผลเสียหายตามมาอย่างมากมาย กล่าวคือระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม จะเกิดพรรคเล็ก พรรคน้อยมากมาย ให้ผู้มีอำนาจชิม ช้อป ใช้ได้ตามอำเภอใจ

ส.ว.ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของ คสช.ยังมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีได้เท่านี้ บ้านเมืองก็พินาศจมธรณี เพราะประเทศขาดความเชื่อมั่นไม่มีใครกล้ามาลงทุน มีแต่ย้ายฐานหนี ดังที่ผ่านมา

ผลงานรัฐบาลในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ ก่อนไวรัสโควิดระบาด คนจนก็เต็มบ้าน เต็มเมืองถึง14 ล้านคนอยู่แล้ว หลังไวรัสโควิดระบาด คนจนคงล้นเมือง ถ้าไม่ตั้งสติแก้ปัญหาด้วยปัญญา

ทางแก้เฉพาะหน้าประการแรก คือ รีบส่งสัญญาณไปยัง กมธ.ศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ กำหนด time line ที่ชัดเจนในการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นประเทศ

ประการที่สอง หากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ควรเลือกรัฐมนตรีที่หน้าตาดี ๆ เข้ามาบริหารงาน คำว่าหน้าตาดี หมายความว่า มีคุณสมบัติดี

ประการที่สาม หลังวิกฤตไวรัสโควิด คาดการณ์กันว่า จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ดังนั้นเงินกู้ที่ไปกู้มาเพื่อแก้วิกฤต อาจเป็นเงินก้อนสุดท้าย เพราะการกู้ใกล้เต็มเพดาน รัฐบาลควรใช้เงินกู้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ถึงมือประชาชนที่ตกงานมากที่สุด รั่วไหลน้อยที่สุดการเลือกรัฐมนตรีตามข้อสองที่ว่า ต้องหน้าตาดี ๆ จึงสำคัญที่สุด

ประการที่สี่ ยามบ้านเมืองมีวิกฤต รัฐบาลต้องสร้างสภาวะที่จะเอื้ออำนวยให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน สมัครสมานสามัคคีกัน จึงควรเร่งการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 257 หมวดปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลได้กำหนดหรือมีนโยบายไว้เอง แต่ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจังเสียที ยามนี้บ้านเมืองมีวิกฤตแล้ว ไม่ต้องไปศึกษาอะไรอีก งานทางวิชาการมีอยู่มากมายสูงเป็นศอก ดังนั้น ช่วงนี้ต้องเข้าสู่ขั้นการปฏิบัติจริงได้แล้ว

"พรรคเพื่อไทยไม่กลัวการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ขอแต่เพียงกติกาต้องเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งถ้ารัฐบาลมีความจริงใจต่อประเทศชาติและประชาชน ต้องรีบส่งสัญญาณไปยัง กมธ.ศึกษาการแก้รัฐธรรมนูญให้เร่งดำเนินการให้ทันกับสถานการณ์การแก้ปัญหาของบ้านเมืองทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ส่วนการเสนอความเห็นต่อทางออกของบ้านเมืองดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นไปด้วยความสุจริตใจในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง" นายชวลิต ระบุ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :