ไม่พบผลการค้นหา
ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา รับรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำมีผลต่อการคุมเสียงในสภา แนะรัฐบาลต้องให้ความสำคัญ เตือนโหวตร่าง พ.ร.บ.งบฯต้องคุมเสียงให้ดี หนุนแก้ รธน.ที่เป็นปัญหาในทางปฏิบัติ

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา เปิดบ้านพักส่วนตัวให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ถึงทิศทางทางการเมืองว่า ปัจจุบันพรรคชาติพัฒนาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะก่อนเลือกตั้งได้มีการเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารพรรคไปแล้ว ตนคิดว่ายังไม่มีอะไรที่ต้องปรับปรุงในช่วงนี้ ยังคงดำเนินตามปกติ ส่วนการตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ยาวหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่ง่าย เพราะมีการแบ่งขั้วชัดเจนและพื้นฐานของรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น เป็นครั้งแรกที่ผลการเลือกตั้งพลิกล็อก เนื่องจากพรรคเล็กมาแบ่งคะแนนหลายพรรค อีกทั้งการแบ่งขั้วทำให้เกิดจากความไม่ลงตัว สร้างความลำบากในการจัดตั้งรัฐบาล และการคุมเสียงไม่ให้แตกยาก ยอมรับว่า เสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำ จึงต้องพยายามจัดการให้เสียงมีความเสถียรภาพ เพราะในรัฐสภาตัดสินด้วยเสียงของ ส.ส. เป็นหลัก ซึ่งต้องมีเสียง 350 ขึ้นไป ซึ่งรัฐบาลต้องทำให้พรรคร่วมให้มีความมั่นใจ และชนะโหวตในเรื่องสำคัญ

ในช่วงที่ผ่านมาการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล จากนี้ไปหากมีการลงมติในเรื่องสำคัญ อย่างเช่น การพิจารณางบประมาณ ปี 2563 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา กลางเดือน ต.ค.นี้ รัฐบาลต้องบริหารเรื่องเสียงของฝั่งตนให้ได้ ตนมองว่ารัฐบาลจะเหนื่อยในการบริหารด้วยเสียงปริ่มน้ำ แต่ถ้าพรรคร่วมฯ มีความสามัคคี ก็สามารถชนะโหวตได้ บางครั้งที่เคยแพ้โหวตก็ถือเป็นเรื่องปกติ ตนขอย้ำเรื่องงบประมาณ รัฐบาลต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นกฎหมายสำคัญของประเทศที่รัฐบาลต้องบริหารจัดการงบประมาณดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเศรษฐกิจไทยผูกพันธ์กับเศรษฐกิจโลก จึงเป็นหน้าที่สำคัญของรัฐบาลที่ต้องรักษาทั้งเสถียรภาพภายใน และภายนอกสภา โดยเฉพาะภายนอกสภาซึ่งเกี่ยวพันธ์กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่จำเป็นต้องแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

ส่วนกรณีการคำนวนคะแนน ส.ส. แบบใหม่ ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ตนมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ประชาชนเห็นชอบด้วย แต่ก็มีอีกหลายฝ่ายที่อยากจะแก้ไข ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ซึ่งตนเคยพูดแต่แรกแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีปัญหา หากต้องการจะแก้ไข และถ้าดูตามความเหมาะสมให้นำเข้าเป็นการลงมติในสภา หากได้ข้อสรุปตรงกันถือว่าเป็นเรื่องดี จะได้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ หาข้อดี ข้อเสีย และสามารถนำไปเป็นแนวทางในการจัดตั้งกลไกได้ต่อไป

เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ควรแก้ไขหรือไม่ นายสุวัจน์ ตอบว่า ควรแก้ในเรื่องที่เกิดปัญหาในทางปฎิบัติ ไม่ได้แก้ให้ใครได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ ต้องเป็นธรรม แก้ไขประเทศให้เดินไปข้างหน้าต่อได้ ทุกคนต้องช่วยกันแสดงความคิดเห็น

นายสุวัจน์ ย้ำว่า ขณะนี้ไม่ได้แนะนำอะไรแก่นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเพราะมีคณะกรรมการบริหารพรรคคอยให้เค้าปรึกษาอยู่แล้ว อีกทั้งนายเทวัญ ก็ทำหน้าที่ได้ดี