ไม่พบผลการค้นหา
"พิชัย" ขอบคุณสำนักอัยการ มีคำสั่งไม่ฟ้อง เชื่อ ผบ. ตร. จะมีความเห็นเหมือนกัน ติง "ประยุทธ์" และ "สมคิด" ระวังคำพูด แก้ไขอย่าแก้ตัว เรื่องถูกตัดจีเอสพี กลัวจะยิ่งเละ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขอขอบคุณสำนักงานอัยการ ที่ให้ความเป็นธรรมที่มีคำสั่งไม่ฟ้องตนในคดีปกนิตยสารไทม์ และ การดูด ส.ส. 4.0 ซึ่งตนเชื่อแต่แรกว่าไม่ผิด เพราะเป็นการแสดงความเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจและตนยังไม่ได้กล่าวถึง คสช. ด้วยซ้ำ ขนาดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดียังยอมรับกับตนเอง และกับพยานที่ไปให้ปากคำ คาดว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำเพราะอาจถูกบังคับ ซึ่งหวังว่า ผบ.ตร. จะเห็นด้วยกับสำนักอัยการ และยุติเรื่องนี้ เพื่อจะได้ไม่ตอกย้ำการใช้ขบวนการยุติธรรมเกินขอบเขตเพื่อกลั่นแกล้งผู้เห็นต่าง

ในขณะที่ฝั่งของ คสช. เช่น พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ถูกร้องเรียนว่าใช้สื่อรัฐนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีรองอธิบดี เป็นพยานและมีหลักฐานมัดแน่น กลับไม่ดำเนินคดีแต่อย่างใด มาตรฐาน rule of Law ของประเทศไทยจึงเสียหาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศและทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศด้วย 

เรื่องดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะปิดปากตนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในระดับที่ต่ำมาตลอด 5 ปีกว่า ตรงข้ามกับสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพูดอย่างสิ้นเชิง ที่พยายามแก้ตัวว่า เพราะเราโตแล้ว สหรัฐฯ จึงตัดจีเอสพี

อีกทั้ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ออกมาพูดเสริมว่า ไทยควรถูกตัดจีเอสพีนานแล้วเพราะไทยพัฒนาแล้ว อีกทั้งยังบอกว่าควรภูมิใจที่ไทยโตแล้ว จึงถูกตัดจีเอสพี ซึ่งเป็น การแก้ตัวแบบมั่วๆ เพียงเพื่อเอาตัวรอด ทั้งที่เป็นความเสียหายของประเทศ โดยไม่พูดถึงสาเหตุที่แท้จริง จะยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ และยิ่งเป็นข้ออ้างให้สหรัฐฯ ตัดสิทธิจีเอสพีไทยแบบถาวรโดยชอบธรรม ทั้งที่รัฐบาลควรแก้ไขมากกว่าที่จะแก้ตัว และจะยิ่งทำความเสียหายเมื่อพูดแก้ตัวแบบนั้น

ความจริงเรื่องแรกที่ต้องยอมรับคือ การที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิจีเอสพีของไทย จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ไม่ได้เล็กน้อยเหมือนที่รัฐบาลพยายามจะแก้ตัว และให้ข้าราชการออกมาพยายามจะกลบเกลื่อน ซึ่งสามารถดูได้จากราคาหุ้นของบริษัทกลุ่มที่ส่งออกที่ถูกตัดสิทธิจีเอสพีที่ราคาร่วงตกกันยกแผง และการที่สหรัฐฯ พิจารณาตัด 573 รายการ สหรัฐฯ ต้องมีตัวเลขในใจแล้ว และต้องการให้มีผลกระทบกับไทยอย่างแน่นอน

และยังมีผลต่อภาพพจน์ของไทยว่าไม่ได้เป็นมหามิตรกับสหรัฐอย่างแนบแน่นเหมือนก่อน ซึ่งจะมีผลต่อการส่งออกและการลงทุนของไทยอย่างมาก การที่หลายบริษัทใหญ่ออกมาปฏิเสธว่าไม่กระทบ อาจจะเป็นเพราะกลัวว่าหุ้นของบริษัทตัวเองจะตก อีกทั้งบริษัทใหญ่จะมีฐานการผลิตอยู่หลายประเทศซึ่งจะสามารถโยกย้ายการส่งออกโดยใช้ฐานการผลิตในประเทศอื่นส่งออกแทนได้ แต่ยอดการส่งออกของประเทศไทยก็จะลดลงอยู่ดี

ความจริงเรื่องที่สองที่ต้องยอมรับคือ การที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิจีเอสพีไทย แสดงชัดเจนว่า สหรัฐฯ มีความไม่พอใจต่อรัฐบาลไทยอย่างมากในบางเรื่อง ซึ่งรัฐบาลต้องศึกษาและหาทางแก้ไข โดยหากจำกันได้ หลังจากการเลือกตั้ง และกำลังจะตั้งรัฐบาล หนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ สื่อที่ทรงอิทธิพลของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ อย่าได้มีความสัมพันธ์แบบปกติกับรัฐบาลไทย จากพฤติกรรมสืบทอดอำนาจที่ทำทุกวิถีทางของ พล.อ.ประยุทธ์ การตัดสิทธิจีเอสพีก็อาจจะเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่ง หรือ อาจจะเป็นเพราะนายสมคิด ในฐานะรองนายกฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาล ได้ไปพูดที่ฮ่องกงแบบเข้าข้างประเทศจีนอย่างเต็มที่ ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สหรัฐโกรธได้ โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าเหตุผลน่าจะมากกว่าเรื่องปัญหาสิทธิแรงงานที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งรัฐบาลควรเร่งค้นหาและเร่งแก้ไข 

การแก้ตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิดที่ยอมรับว่าเราโตขึ้นหรือจีดีพีสูงแล้ว เหมือนเป็นการยอมรับการตัดสิทธิจีเอสพีของสหรัฐฯ ซึ่งความจริงคือ เศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาตลอด 5 ปี อีกทั้งยังมีคนจนที่รับบัตรคนจนกว่า 14.5 ล้านคน แสดงถึงความเหลื่อมล้ำอย่างมาก จีดีพีที่โตไปกระจุกอยู่กับเศรษฐีและนายทุนเท่านั้นไม่ได้มีการกระจาย อีกทั้งยอดการส่งออกของไทยที่มีสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 70 ของจีดีพี สัดส่วนของการส่งออกจำนวนมากมาจากบริษัทข้ามชาติที่มาลงทุนในไทยและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก ประเทศไทยและประชาชนไทยแทบจะไม่ได้รับผลประโยชน์เลย ที่ได้จริงๆ ก็คือการจ้างงานและค่าแรงเท่านั้น ภาษีก็ไม่ได้เพราะได้สิทธิยกเว้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ และ นายสมคิด ควรจะต้องเข้าใจและนำไปอธิบายกับสหรัฐฯ เพื่อให้ผ่อนคลายการตัดสิทธิจีเอสพี ไม่ใช่แก้ตัวและยอมรับแบบไม่ฉลาด เพราะสุดท้ายผลกระทบจะเกิดกับเศรษฐกิจไทยและประชาชนอย่างมาก 

เข้าใจดีว่ารัฐบาลคงจะเดือดร้อนอย่างหนักจากการถูกสหรัฐฯ ตัดสิทธิจีเอสพี เพราะจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง และยังเสียหน้าอย่างมาก เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์เพิ่งไปพบประธานาธิบดี ทรัมป์ แต่พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิด จะต้องระวังคำพูดให้ดี อย่าพูดแบบแก้ตัวโดยไม่คิดให้ละเอียด ซึ่งสุดท้ายจะกลายเป็นผลเสียต่อประเทศและจะยิ่งทำให้คนไทยลำบากมากยิ่งขึ้น