ไม่พบผลการค้นหา
'มิ่งขวัญ' อภิปรายครั้งแรก ชี้หนี้ครัวเรือนปี 2562 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เทียบความมั่งคั่งมหาเศรษฐีไทย 5 ตระกูล ชี้ให้เห็นความเหลื่อมล้ำ สับรัฐบาลไม่แบนพาราควอต ส่วนมาตรการชิมช้อปใช้ สุดท้ายเงินไปถึงนายทุน หากจะทำต่อ เงินควรไปถึงรากหญ้าด้วย

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายเกี่ยวกับความผิดพลาดในการบริหารราชการด้านเศรษฐกิจ โดยยกข้อมูลสถิติว่า 80.2 ล้านบัญชี คนไทยเกินครึ่งมีเงินติดบัญชีไม่ถึง 3,000 บาท โดยมีเงินฝากเกินกว่า 10 ล้านบาทเพียงร้อยละ 0.2 น้อยกว่า 10 ล้านบาทร้อยละ 10 น้อยกว่า 3,142 บาทร้อยละ 56 และน้อยกว่า 500 บาทถึงร้อยละ 32.8 และพบว่าหนี้ครัวเรือนปี 2562 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.4 แสนบาทต่อครัวเรือน เป็นหนี้ในระบบร้อยละ 59.2 หนี้นอกระบบร้อยละ 40.8 พร้อมไล่เรียงข่าวหลายบริษัทและโรงงานต่างๆ ปลดพนักงาน ประกาศปิดกิจการตลอดปี 2562 และข่าวหลายครอบครัวหลายชีวิต ฆ่าตัวตายจากภาวะเศรษฐกิจและหนี้สิน

นายมิ่งขวัญ ยังยกถึงวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งปี 2540 ที่มีผู้ได้รับผลกระทบถึงร้อยละ 15 แต่วิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี 2560 ถึง 2562 มีผู้ได้รับผลกระทบถึงร้อยละ 85 พร้อมชี้ว่าความเหลื่อมล้ำประเทศไทยอยู่อันดับที่ 1 ของโลกในปี 2561 โดยคนเพียงร้อยละ 1 เป็นเจ้าของความมั่งคั่งของคนไทยทั้งประเทศรวมกัน พร้อมยกตัวอย่างข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บสเกี่ยวกับ 5 ตระกูล ที่มีความมั่งคั่งระดับประเทศ โดยเปรียบเทียบให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ จนทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมเตือนว่าอย่ากล่าวถึงบุคคลที่ 3

นายมิ่งขวัญ ยังอภิปรายถึงมาตรการชิมช้อปใช้ โดยเปิดเผยว่ามีรัฐมนตรีคนหนึ่งในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ บ่นว่ากระทรวงการคลังมีหน้าที่หาเงินเก็บภาษีและจัดสรรงบประมาณให้กระทรวงต่างๆ ใช้ แต่กระทรวงการคลังกลับใช้งบประมาณนี้เอง ซึ่งมาตรการนี้ใช้เงินไปทั้งสิ้นเกือบ 2 หมื่นล้านบาทประมาณ ซึ่งสามารถนำไปทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรครักษาคนได้ถึง 6.2 ล้านคน ซื้อเตียงผู้ป่วยได้ถึง 7 แสนกว่าเตียง ซื้อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้ถึง 1,335 ปี พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงมาตรการชิมช้อปใช้ หากจะทำต่อไป เงินควรไปถึงรากหญ้าด้วย เพราะว่าเงินในโครงการชิมช้อปใช้ที่ผ่านมา ออกมาเป็นบาร์โค้ด และสุดท้ายเงินจะไปอยู่ที่กลุ่มนายทุน

นายมิ่งขวัญ ยังอภิปรายถึงการหารายได้ให้กับประเทศ โดยการท่องเที่ยวเป็นการหารายได้อันดับ 1 แต่แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการควบคุมระบบการโอนเงินข้ามชาติ และฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับปัญหาการจัดระเบียบทางเท้า จนกระทบ Street Food ซึ่งเป็นเสน่ห์อันดับ 1 ของประเทศไทย

นายมิ่งขวัญ ยังอภิปรายถึงการเลื่อนแบน 3 สารเคมีภาคการเกษตร 3 ชนิด ได้แก่พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเคยมีผู้ประกอบการสารเคมีในต่างประเทศ ต้องชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบถึง 2,000 บาท ซึ่งมี 153 ประเทศสั่งแบนหมดแล้ว จึงเกิดคำถามว่าประเทศไทยเกรงใจใคร

เมื่ออภิปรายมาสักพัก นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ประท้วงว่านายมิ่งขวัญยังไม่ได้อภิปรายเปิดประเด็นไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ขณะที่นายมิ่งขวัญ ยืนยันว่า สิ่งที่ได้อภิปรายไปเป็นการชี้ให้เห็นถึงปัญหาการบริหารด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล

นายมิ่งขวัญ กล่าวสรุปในตอนท้าย ว่าถ้าเป็นซีรีส์เกาหลีตอนนี้จบภาคแรก แต่โปรดติดตามภาค 2

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: