ไม่พบผลการค้นหา
'หมอเลี๊ยบ' สะท้อนความเห็น กรณี 'อนาคตใหม่' วิวาทะ 'เพื่อไทย' ชี้ พลังเยาวชน นักเรียน นักศึกษา คือความหวังที่ผุดขึ้นมาอย่างเจิดจ้า แต่บทบาทในรัฐสภาของพรรคการเมืองฝ่าย ปชต.ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง สองพรรคต้องการการปฏิรูปใหญ่-ปรับยุทธศาสตร์ใหญ่

นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือ 'หมอเลี๊ยบ' อดีตรองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคพลังประชาชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก @Surapongofficial วันนี้ (29 ก.พ.2563) เพื่อสะท้อนความคิดเห็นต่อกรณีที่แกนนำอนาคตใหม่วิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดย นพ.สุรพงษ์ ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ด้านหลักมีส่วนจาก "การนำและการจัดการ" ภายในพรรคเพื่อไทย ซึ่งขาดภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง การบริหารจัดการอ่อนด้อย และกระบวนการตัดสินใจสับสน ไม่ทันกลอุบายทางการเมือง

ด้วยเหตุนี้ คำขอโทษที่ดีที่สุดจากพรรคเพื่อไทย คือ การปฏิรูปตนเองครั้งใหญ่ และ นพ.สุรพงษ์ระบุด้วยว่า พรรคอนาคตใหม่เองก็เกิดขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีผลงานที่ดีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สมกับการทุ่มเทเชิงรุกและตั้งเป้าสูง แต่การเรียกร้องประชาธิปไตยไม่มีวันสำเร็จ ถ้าอาศัยการขับเคลื่อนโดยพรรคการเมืองเดียว แต่ต้องมีแนวร่วมที่กว้างขวาง และประชาชนจำนวนมากสนับสนุน

พร้อมกันนี้ นพ.สุรพงษ์ แนะให้สองพรรคการเมืองใหญ่ที่สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย 'พิจารณาทบทวน' แนวทางของพรรค เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์บ้านเมืองในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ในประเทศไทย ได้สะสมพลังของความขัดแย้งคุกรุ่นมากว่า 13 ปี เมื่อเกิดพลังของนักเรียนนักศึกษาลุกขึ้นอย่างฉับพลัน ผสานกับแรงกระแทกต่อเศรษฐกิจของโลกและไทยจาก "ไวรัสโควิด-19" อาจทำให้สถานการณ์บ้านเมืองนับจากนี้ "เกินที่จะคาดเดา"

รัฐสภา ปิดสมัยประชุม สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ 200228_0014.jpg

โดยข้อความในเฟซบุ๊กฉบับเต็มระบุว่า พรรคเพื่อไทยต้องการการปฏิรูปใหญ่ และ (อดีต) อนาคตใหม่ ต้องการยุทธศาสตร์ใหญ่

"เราเดินทางมาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อของหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งอีกครั้งหนึ่ง

สถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม สะสมพลังของความขัดแย้งคุกรุ่นมากว่า 13 ปี เมื่อเกิดพลังของนักเรียนนักศึกษาลุกขึ้นอย่างฉับพลัน ผสานกับแรงกระแทกต่อเศรษฐกิจของโลกและไทยจาก "ไวรัสโควิด-19" ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองของเรานับจากนี้เกินที่จะคาดเดา

การเตรียมพร้อมรับมืออย่างเอาจริงเอาจังในสถานการณ์ที่เกินคาดเดาจึงสำคัญ

แต่เมื่อผมสังเกตท่าทีของสองพรรคการเมืองใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว ราวกับไม่เฉลียวใจเลยว่า สถานการณ์ใหญ่กำลังมาถึง และทุกคนต้องช่วยกันผลักช่วยกันดัน มิฉะนั้น จะจมปลักกับฤดูหนาวต่อไปอีกยาวนาน

แม้พลังของเยาวชน นักเรียน นักศึกษา คือความหวังที่ผุดขึ้นมาอย่างเจิดจ้า แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า บทบาทในรัฐสภาของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง

การอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไป สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในพรรคเพื่อไทยว่า ขาดภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง การบริหารจัดการอ่อนด้อย กระบวนการตัดสินใจสับสนและไม่ทันกลอุบายทางการเมือง

ผมเชื่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในคืนสุดท้ายของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้านหลักเกิดขึ้นจากปัญหา "การนำและการจัดการ" ภายในพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เรื่องอื่น

คำขอโทษที่ดีที่สุดจากพรรคเพื่อไทยจึงไม่ใช่เพียงเอ่ยปากขอโทษประชาชนและพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่คำขอโทษที่หนักแน่นและจริงใจที่สุด คือ การปฏิรูปตนเองครั้งใหญ่ของพรรคเพื่อไทย

ผมคิดว่า แกนนำของพรรคเพื่อไทยรู้ว่า ปัญหาอยู่ที่ไหน แก้อย่างไร แต่ทอดเวลามาเนิ่นนาน ยังไม่ลงมือแก้ไข

วันนี้ เวลานี้ สถานการณ์ใหม่มาถึงแล้ว ไม่มีเวลาให้ลังเลอีกแล้ว

ส่วนปัญหาของ (อดีต) พรรคอนาคตใหม่แตกต่างออกไป

พรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ผลงานในการอภิปรายไม่ไว้วางใจดีงามตามความคาดหวังของผู้สนับสนุนและศรัทธา แกนนำพรรคต่างทุ่มเทเชิงรุก จึงตั้งเป้าสูง เล็งผลเลิศ เพื่อสร้างพรรคให้เติบโต

การตั้งเป้าสูงเป็นสิ่งที่พึงกระทำตามแนวทางการบริหารสมัยใหม่แบบ OKRs แต่องค์กรการเมืองไม่ใช่องค์กรธุรกิจ ยิ่งเป็นการเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ย่อมซับซ้อน ไม่ง่าย และมีปัจจัยหลากหลายที่มีส่วนกำหนด

การเรียกร้องประชาธิปไตย อาศัยการขับเคลื่อนโดยพรรคการเมืองเดียว ไม่มีวันสำเร็จ แต่ต้องมีแนวร่วมที่กว้างขวาง และประชาชนจำนวนมากสนับสนุน

การสร้างแนวร่วมจึงสำคัญ ต้องมีการแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง, มองภาพรวมเป็นหลัก ไม่ชิงดีชิงเด่น แนวร่วมจึงจะมั่นคง ยากที่ใครยุแหย่และทำลาย

คนเก่งมีน้อย แต่คนทำงานแนวร่วมเก่งยิ่งมีน้อยกว่า เพราะคนทำงานแนวร่วมเก่ง ไม่เพียงเก่งเฉพาะตัว แต่ต้องเก่งในการทำให้ทั้งขบวนเดินไปอย่างประสานสอดคล้อง เป็นเอกภาพ คนทำงานแนวร่วมเก่งเห็นประโยชน์ของทั้งขบวน มากกว่าประโยชน์ของตนและพรรค

ภายใต้สถานการณ์ที่เรียกร้องการรวมพลังของฝ่ายประชาธิปไตย ยุทธศาสตร์ของ (อดีต) พรรคอนาคตใหม่จึงต้องการยุทธศาสตร์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่ายุทธศาสตร์ของพรรค

คือ ยุทธศาสตร์แนวร่วมประชาธิปไตย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: