ไม่พบผลการค้นหา
'พิชัย นริพทะพันธุ์' ยืนยัน ลดดีเซลลิตรละ 5 บาท เบนซิน 3 บาท ทำได้จริง ชี้ ลดค่าครองชีพ ลดต้นทุนขนส่ง ฟื้นเศรษฐกิจ แนะ ใช้โอกาสนี้ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า ตามที่ได้ประกาศลดราคาน้ำมันในเวทีหาเสียงของพรรค ทษช. ที่ลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมานี้ ขอยืนยันว่าสามารถทำได้จริง และจะทำทันทีหากพรรค ทษช. ได้เป็นรัฐบาล โดยเชื่อว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ทันที 

อีกทั้ง น้ำมันดีเซลยังเป็นต้นทุนของการขนส่งสินค้าของไทยที่ใช้รถบรรทุกเป็นหลัก การลดราคาน้ำมันดีเซลจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้า ช่วยทำให้ราคาสินค้าถูกลง และ ช่วยทำให้ต้นทุนสินค้าส่งออกลดลงด้วย หลังจากที่การส่งออกติดลบหนักในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เพราะในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงานราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอยู่ที่ 100 กว่าดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเท่านั้น แต่ราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลกลับอยู่ในระดับใกล้กัน เพราะมีการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในปัจจุบันสูงถึง 5.92 บาทต่อลิตร ขณะที่ สมัยรัฐบาลก่อนการปฏิวัติเก็บเพียงลิตรละ 0.005 บาท หรือ แทบไม่ได้เก็บเลย 

ดังนั้น การลดราคาน้ำมันดีเซลโดยลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันจึงสามารถทำได้ อีกทั้งยังสามารถลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น โดยยกเลิกค่าขนส่งจากสิงคโปร์มาไทยที่เป็นการเอาเปรียบประชาชน ทั้งที่ปัจจุบันไทยส่งน้ำมันที่กลั่นแล้วไปขายสิงคโปร์และประเทศเพื่อนบ้านในราคาที่ถูกกว่าราคาหน้าโรงกลั่นที่คนไทยรับภาระกัน รวมถึงค่าการตลาดที่สูงเกินจริง ซึ่งเมื่อลดส่วนต่างๆ ที่บอกมาแล้ว รวมถึงภาษีมูลค่าที่จะลดลงด้วย จะทำให้ลดราคาน้ำมันดีเซลได้ 5 บาทอย่างแน่นอน และรัฐบาลยังมีรายได้จากภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลบางส่วนอยู่ 

นอกจากนี้ การลดเบนซินแก๊สโซฮอล 3 บาท ก็สามารถทำได้ในลักษณะเดียวกัน แต่จะลดบางส่วนจากการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน และลดราคาเอทานอลที่ผสมในแก๊สโซฮอลให้เท่ากับราคาเอทานอลในตลาดโลก ซึ่งเมื่อรวมกับการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊สโซฮอลเพียงบางส่วน ก็จะสามารถลดได้ 3 บาท ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนได้อย่างมาก รัฐบาลหลังการเลือกตั้งสามารถทำได้ทันทีภายใน 1 เดือนหลังตั้งรัฐบาล โดยการลดราคาน้ำมันจะปรับลดในชนิดน้ำมันที่ประชาชนใช้เป็นหลัก ส่วนน้ำมันประเภทอื่นที่อาจจะมีการสนับสนุนราคาอยู่ก็จะพิจารณาปรับตามควร 

ทั้งนี้ หวังว่ารัฐบาลจะไม่ตัดหน้าเร่งลดราคาน้ำมันเสียก่อน เพราะที่ผ่านมา พอพรรคการเมืองเสนออะไร รัฐบาลที่ควรจะเป็นรัฐบาลรักษาการที่ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แต่กลับทำตรงข้ามและมักจะเอาเปรียบทำตัดหน้า เช่น พอมีการเสนอขึ้นค่าจ้างแรงงาน รัฐบาลก็เร่งขึ้นค่าจ้างแรงงาน และ พอเสนอให้ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ร้อยละ 50 ใน 10 ปี รัฐบาลก็ให้กรมสรรพสามิตลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าเหลือร้อยละ 0 เป็นต้น 

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี้ รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นมาตลอด โดยไม่ได้นำเงินภาษีที่เก็บได้ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนจึงลำบากกันอย่างมาก การลดราคาน้ำมันจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมาก และจะเป็นการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันให้ถูกต้องโดยยกเลิกเรื่องที่มีการเอาเปรียบประชาชนด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :