ไม่พบผลการค้นหา
ลูกชาย "บรรยิน ตั้งภากรณ์" เผย พ่อยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาฯ ย้ำกำลังใจยังดี

สำนักข่าวไทย รายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจกองปราบปรามเข้าจับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าและเรียกค่าไถ่ หลังหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมให้การซัดทอดว่าเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีโอนการหุ้นเสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ที่ถูกโอนไปยังบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.บรรยิน ที่บ้านพักใน จ.นครสวรรค์ พร้อมจับกุมพรรคพวกที่เกี่ยวข้องในคดีรวมจำนวน 6 คน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา

และเมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. วันนี้ (24 ก.พ.) ที่กองบังคับการปราบปราม นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยิน พร้อมบุตรชาย ได้นำอาหารเช้าเป็นข้าวมันไก่และเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนที่ห้องควบคุมตัว 

ก่อนเดินทางกลับ สื่อมวลชนได้พยายามซักถามบุตรชายถึงความเป็นอยู่ของ พ.ต.ท.บรรยิน ภายหลังการถูกคุมขังคืนแรก และบุตรชายกล่าวว่า บิดาตนไม่มีความวิตกกังวลหรือมีอาการเครียด ยังนอนหลับได้ปกติ ไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่สงสัยว่าจนป่านนี้แล้วยังไม่สามารถตั้งทนายความขึ้นมาดูแลคดีได้ โดยบิดาตนยังยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ที่ จ.นครสวรรค์ ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 24 ก.พ. 2563 มีรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของเมื่อวาน (23 ก.พ.) ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำหมายจับเพิ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการการอุ้มฆ่านายวีรชัย พี่ชายผู้พิพากษาประจำศาลอาญากรุงเทพใต้ อีก 3 ราย โดยมีการไปจับกุมตัว ด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ หรือ สจ.อ๊อด สจ.เขต อ.เมืองนครสวรรค์ นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข, และนายชาติชาย เมณฑ์กุล ซึ่งทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผล โดยเป็นผลมาจากก่อนหน้านี้ ได้มีการสอบปากคำนายมานัส ทับนิล อย่างหนักจนทราบว่า เจ้าตัวมีหน้าที่เป็นผู้จัดหาคนและทำหน้าที่ขับรถรับ-ส่งคนเพื่อมาก่อเหตุ โดยมี สจ.อ๊อด นายประชาวิทย์ นายชาติชาย และนายณรงค์ศักดิ์ เป็นผู้ลงก่อเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานว่า ในคืนวันก่อเหตุ มี พ.ต.ท.บรรยิน มาปรากฏตัวเจอผู้ที่ลงมือก่อเหตุทั้งหมดด้วย

ขณะเดียวกัน ที่ศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 6 ซึ่งเป็นที่ตั้งวอร์รูมในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ พบว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามยังคงมีการทำงานกันอยู่ แต่ในส่วนของหลักฐานที่ตรวจยึดมาได้จากบ้านของ พ.ต.ท.บรรยิน และเครือญาติ รวมถึงรถยนต์อีก 4 คันนั้น ได้มีการทยอยขนหลักฐานเอาไปไว้ที่กองปราบปรามแล้ว ส่วนอีกด้านหนึ่ง ที่แม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับสะพานตะเคียนเลื่อน อ.เมืองนครสวรรค์ ทางเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำทีมกู้ภัยนครสวรรค์ ยังคงมีการลงค้นหาถุงปุ๋ยที่บรรจุโครงกระดูกของนายวีรชัย พี่ชายผู้พิพากษาประจำศาลอาญากรุงเทพใต้ อย่างต่อเนื่อง แต่ยังค้นหาไม่พบ โดยจุดตรงนี้ มีข้อมูลระบุว่า คนร้ายได้มีการนำโครงกระดูกที่ถูกเผา และเศษซากบางส่วนมาบรรจุไว้ในถุงปุ๋ยใบใหญ่ จำนวน 3 ถุงไปโยนทิ้งน้ำ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะต้องมีการปูพรมขยายพื้นที่ในการค้นหาเพิ่มเติม และตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ทีมนักประดาน้ำ ได้มีการนำเครื่องเซ่นพร้อมกับจุดธูปไหว้เพื่อขอพระแม่คงคา เทพยดาช่วยเปิดทางค้นหาให้เจอได้โดยไว

จากการสอบถามทีมนักประดาน้ำคนหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า มีการแบ่งการปฏิบัติงานกัน 4 ทีมๆ ละ 4 คน ปูพรมค้นหาในรัศมี 500 เมตร ซึ่งก็พบเจออุปสรรคบ้าง เนื่องจากน้ำในแม่น้ำมีสีขุ่น ทำให้การงมค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะดำลงไปแล้วมองไม่เห็น ต้องใช้มือคลำพื้นใต้น้ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนความหนักใจในการค้นหานั้น เนื่องจากมีข้อมูลระบุว่า คนร้ายนำมาโยนทิ้งไว้เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลานานกว่า 20 วัน อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะลอยไปไกลในระดับรัศมี 10 กิโลเมตร แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักถุงปุ๋ยที่โยนทิ้ง และกระแสของน้ำในแม่น้ำด้วย

เช่นเดียวกันกับที่แม่น้ำปิง บริเวณหน้าวัดไทรใต้ เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายนำทรัพย์สินมีค่าของผู้ตายไปโยนทิ้ง ยังคงมีเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำทีมกู้ภัยอีกทีมหนึ่ง ลงงมค้นหาจุดนี้อย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

เลขาฯ ศาลยุติธรรม เพิ่มความคุ้มครอง - จัดกำลังคนดูแลตามศาลทั่วประเทศ

ด้านนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุว่า เหตุการณ์อุ้มลักพาตัวพี่ชายของ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีเรื่องรุนแรงที่สุดในการคุกคามการทำหน้าที่ของผู้พิพากษา ซึ่งจากการพูดคุยกับ น.ส.พนิดา ยอมรับว่าถูกคุกคามเรื่อยมาตั้งแต่รับพิจารณาคดีปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้นมูลค่า 300 ล้านบาทของนายชูวงษ์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดที่ถูกคุกคามได้

แม้ขณะนี้ตำรวจจะสามารถจับตัวผู้ต้องหาในคดีอุ้มลักพากตัวได้บางส่วน แต่ น.ส.พนิดา ยังไม่ไว้วางใจ สำนักงานศาลยุติธรรมจึงจัดตำรวจในการดูแลคุ้มครองความปลอดภัย ส่วนวันที่ 20 มี.ค. 2563 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์นั้น เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการเลื่อนฟังคำพิพากษาหรือไม่

เนื่องจากเป็นอิสระของศาลอาญากรุงเทพใต้ในการพิจารณา ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำคำพิพากษา แต่เชื่อว่าการข่มขู่ตัวผู้พิพากษาไม่มีผลต่อการตัดสินคดี เนื่องจากที่ผ่านมา น.ส.พนิดา และผู้พิพากษาทุกคนยึดมั่นในจริยธรรมและข้อกฎหมายที่จะพิจารณาด้วยความเป็นธรรม ปราศจากอคติ 

สำหรับการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้พิพากษาศาล บุคคลากรของศาล และประชาชนที่เดินทางมาศาลนั้น เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยอมรับว่าปัจจุบันตำรวจศาลมีเพียง 35 นายประจำอยู่ส่วนกลางไม่เพียงพอสำหรับการดูแลศาลกว่า 270 แห่งทั้งประเทศ หากศาลใดร้องขอมาก็จะจัดกำลังไปดูแล อาทิ ศาลอาญากรุงเทพใต้, ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นต้น

ที่ผ่านมาหากกำลังไม่เพียงพอก็จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ช่วยดูแลอีกทาง โดยช่วงเดือนเมษายน 2563 นี้ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้ขอเพิ่มกำลังตำรวจศาลเป็น 309 นาย และในอนาคตจะขยายกำลังเพิ่มเป็นประมาณ 1,200 อัตรา เพื่อกระจายไปยังศาลที่มีความเสี่ยงและมีความจำเป็นเร่งด่วน

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยังระบุถึงหลักการเรื่องความเป็นกลางหรือการพิพากษาคดี ยังเป็นเรื่องสำคัญหากถูกแทรกแซงหรือข่มขู่ ความเป็นธรรมในคดีก็จะไม่เกิด ซึ่งจะกระทบต่อประชาชน ยืนยันว่าจะดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ส่วนรายละเอียดของคดีให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการชี้แจงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ