ไม่พบผลการค้นหา
ศบค.แถลงพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 1 ราย เป็นนักศึกษาเดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย พักในสถานที่กักตัวโดยรัฐในปัตตานี ยังไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,084 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมที่ 58 ราย รักษาตัวในรพ. 58 ราย

พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศประจำวันที่ 3 มิ.ย. 2563 ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย จากสถานที่กักตัวโดยรัฐ (State Quarantine) ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,084 ราย ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 2 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 2,968 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 58 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมที่ 58 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ เป็นนักศึกษาชายไทยอายุ 26 ปี เดินทางกลับจากรุงริยาดห์ ซาอุดีอาระเบีย มายังกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยทางด่านปาดังเบซาร์ โดยรถบัส มาถึงไทยเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ผลตรวจครั้งที่ 1 ไม่พบเชื้อ และเข้าพักใน State Quarantine จ.ปัตตานี และได้ตรวจครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 พ.ค. พบเชื้อ แต่ผู้ป่วยไม่มีอาการป่วย ซึ่งปัจจุบันเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจ.ปัตตานี

ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกวันนี้ พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 6,485,571 ราย เพิ่มขึ้น 119,374 ราย มีผู้ป่วยเสียชีวิต 382,412 ราย เพิ่มขึ้น 4,975 ราย โดยประเทศที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล และรัสเซีย ส่วนสถานการณ์ฝั่งเอเชีย ประเทศอินเดียยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากที่สุด และมีผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด ขณะที่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ในอันดับที่ 79 ของโลก

พญ.พรรณประภา กล่าวย้ำว่า หลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ทำให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติมากขึ้น พบว่ามีการออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในต่างจังหวัด เช่น ไปท่องเที่ยว ทำบุญ พบปะญาติ พี่ น้อง ซึ่งเป็นพบปะชุมชนเป็นกลุ่มก้อน หากมีผู้ติดเชื้อปะปนอยู่จะทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อตามมาได้ ขอย้ำเตือนประชาชนแม้ได้ผ่อนคลาย แต่ขอให้การ์ดอย่าตก ยังคงระมัดระวังตัวเองเมื่อไปในที่ชุมชน โดยเฉพาะการเว้นระยะห่าง และสวมใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า และการล้างมือ นอกจากจะป้องกันโรคโควิด 19 ได้แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้ ส่งผลให้สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ดีขึ้น หากคนไทยร่วมมือ ก็สามารถ ป้องกันการกลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งเราคงไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์เช่นเดียวกับในหลายประเทศที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 กลับมาหลังมีการผ่อนคลายมาตรการ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :