ไม่พบผลการค้นหา
สื่อต่างชาติจับตาความเคลื่อนไหวนักลงทุนต่างชาติ ชี้หลังวันที่ 8 ก.พ. นักลงทุนชาวต่างชาติเทขายหุ้นไทย 2.3 พันล้านบาท เนื่องจากความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีถึงล่าสุด (1 ม.ค.-22 ก.พ.) ต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 8,747.96 ล้านบาท

รายงานจาก รอยเตอร์ส  ระบุว่า นักลงทุนชาวต่างชาติเทขายหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า 7 รอบการซื้อขาย หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 338 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 10,500 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการสูญเสียยาวนานที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเลือกตั้งที่จะมาถึงในเดือนมีนาคมนี้

ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ร่วงลงไปประมาณ 5,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.75 แสนล้านบาท หลังการเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในผู้ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในนามพรรคไทยรักษาชาติ ก่อนที่จะมีพระราชโองการระบุถึวความไม่เหมาะสมในการเป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขัดกับขนบธรรมเนียมประเพณีที่สมาชิกของราชวงศ์จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

ขณะเดียวกัน หลังมีพระราชโองการออกมา พรรคไทยรักษาชาติ ก็ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ไม่ให้โดนยุบพรรคก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม ที่จะถึง

สำหรับการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 7 กุมภาพันธ์ นักลงทุนชาวต่างชาติซื้อสุทธิิ 8.3 พันล้านบาท

แต่เมื่อหลังวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สถานการณ์การซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนชาวต่างชาติกลับหัวกลับหาง โดยต่างชาติหันมาเทขายหุ้นมูลค่ารวม 2.3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับเมื่อต้นปี และปีที่ผ่านมา ที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิทั้งปีเกือบ 3 แสนล้านบาท

ผลการเลือกตั้งกระตุ้นยอดซื้อหุ้น

ท่ามกลางการเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง หลายฝ่ายมองว่าสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง


"นักลงทุนบางคนอาจจะอยากขายหุ้นบ้างและคงไม่รีบกลับมา จนกว่าจะมีความชัดเจนของโพล" นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทาลิส  กล่าว

ด้านนายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า หุ้นไทยยังคงดีอยู่ เนื่องจากการมีโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็ง และคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้น่าจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 3


"นี่เป็นเพียงแค่เสียงรบกวน เดี๋ยวก็จะหายไป" นายสาห์รัช กล่าว


เศรษฐกิจไทยบนความเสี่ยงทางการเมือง

ความเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนจับตามองเป็นพิเศษคือความเป็นไปได้ของการเกิดความรุนแรงขึ้นอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง ซึ่งหากเกิดซ้ำ เศรษฐกิจไทยจะได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน เมื่อเปรียบเทียบกับการประท้วงช่วงปี 2557 – 2558 ที่ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยลดลงร้อยละ 0.7

แม้ในปี 2561 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าที่คาด คือขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 ซึ่งสูงสุดในรอบ 6 ปี แต่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2562 นี้ อาจต้องเผชิญความเสี่ยงจากการเมืองมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงล่าสุด (1 มกราคม - 22 กุมภาพันธ์) นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 8,747.96 ล้านบาท ขณะที่ระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์ (1-22 ก.พ.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,026.31 ล้านบาท ขณะที่ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปิดตลาดวันที่ 22 ก.พ. ที่ระดับ 1,659.20 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 11.88 จุด และมีมูลค่าการซื้อขาย 50,800.06 ล้านบาท

อ้างอิง; Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :