ไม่พบผลการค้นหา
'บรรยิน ตั้งภากรณ์' กลับคำให้การเป็นรับสารภาพอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ทำให้ศาลต้องนัดสืบพยานหลักฐานใหม่อีกครั้ง 12 ต.ค.นี้

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดพร้อมคู่ความคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ หมายเลขดำ อท.69/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์, มานัส ทับทิม อายุ 67 ปี, ณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, ชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, ประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ทั้งหมดมีภูมิลำเนาที่ จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิด 9 ข้อหา

  • ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289,
  • ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313,
  • ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310,
  • ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139, 140,
  • ฐานเป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210,
  • ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มาตรา 213,
  • ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199,
  • ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 150 ทวิ,
  • ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน มาตรา 145 ประกอบ ป.อ.มาตรา 33, 80, 83, 91, 92 และยังยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1
  • ฐานสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา มาตรา 146

รับสารภาพก่อเหตุจริง

จากเดิมที่ศาลเคยนัดสืบพยานที่โจทก์และจำเลยทั้ง 6 อ้างตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 25 มิ.ย. 2563 ไปแล้วนั้น เนื่องจากจำเลยที่ 1,2,4,5 ยื่นคำให้การใหม่

โดยจำเลยที่ 1 บรรยิน ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เป็นให้การรับสารภาพ ตามคำให้การฉบับลงวันที่ 19 ส.ค. 2563 ว่าจำเลยที่ 1 ได้ก่อเหตุในคดีนี้จริงโดยร่วมกับจำเลยที่ 3 จัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น น้ำมัน ยางรถยนต์ สังกะสี อิฐบล็อก เพื่อใช้เผาทำลายศพ 'วีรชัย ศกุนตะประเสริฐ' โดยนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปไว้ยังจุดเกิดเหตุบริเวณ เขาใบไม้ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2563 โดยการเตรียมการดังกล่าวต้องการจับตัววีรชัยมาบังคับ ขู่เข็ญและต่อรองคดีกับพนิดา ศกุนตะประเสริฐ โจทก์ร่วมในคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.305/2561 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ จำเลยที่ 1 มีเจตนาจะนำตัววีรชัยไปกักขังไว้ที่บ้านพักที่ใช้สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง ที่ อ.ตาคลี และหากหลังจากจับตัว วีรชัยมาขังไว้แล้ว การต่อรองและบังคับขู่เข็ญกับพนิดาไม่สำเร็จผล โดยพนิดาไม่ทำตามข้อเรียกร้อง จำเลยที่ 1 อาจต้องฆ่าวีรชัยและเผาทำลายศพเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 จำเลยที่ 1 กับพวก ได้จับกุมตัวนายวีรชัยขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์นำไปกักขังและต่อรองกับพนิดา ระหว่างเดินทางวีรชัยดิ้นรนขัดขืนขณะนั่งอยู่ที่เบาะหลัง กับจำเลยที่ 4-5 จำเลยที่ 3 ซึ่งนั่งอยู่เบาะหน้าด้านซ้าย ได้หันไปชกต่อยวีรชัย จนถึงแก่ความตาย ทั้งที่ การต่อรองกับพนิดายังไม่บรรลุผลตามข้อเรียกร้อง


เผาทำลายศพที่เขาใบไม้

นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังรับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ติดตามตัววีรชัยและพนิดาในช่วงวันที่ 7, 8, 12, 13, 14, 15, 16, 17 และ 20 ม.ค. 2563 จริงและรับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 คุมตัววีรชัยจากหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยจำเลยที่ 1 แต่งกายชุดตำรวจและเป็นผู้ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์คันเกิดเหตุจริง โดยมีจำเลยที่ 3 นั่งเบาะหน้าด้านซ้ายข้างคนขับ ส่วนจำเลยที่ 4 และที่ 5 นั่งประกบเบาะหลัง ขณะกำลังขับรถมีเสียงโทรศัพท์เข้ามายังโทรศัพท์ของวีรชัย 3 ครั้ง จำเลยที่ 3 เป็นผู้พูดโต้ตอบเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถถึงทางแยก จ.สุพรรณบุรีระหว่างอยู่นอกรถมีเสียงโทรศัพท์ของวีรชัยดังขึ้น จำเลยที่ 3 จึงรับโทรศัพท์พูดคุยกับพนิดายอมที่จะทำการตามที่พูดในคลิปเสียง แต่ขอคุยกับพี่ชายก่อน จากนั้นจำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ขึ้นมาบนรถยนต์คันดังกล่าว เพื่อให้วีรชัยพูดคุยกับพนิดาแต่ปรากฏว่า วีรชัยไม่สามารถพูดโต้ตอบได้ เข้าใจว่าวีรชัยได้เสียชีวิตไปแล้ว จำเลยที่ 3 จึงปิดโทรศัพท์และไม่ได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อกับใครอีกเลย    

จำเลยที่ 1 ยังรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 นำศพวีรชัยไปเผาเพื่อทำลายที่บริเวณเขาใบไม้ อ.ตาคลี ตามที่โจทก์ฟ้องจริง และขอให้การรับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ขับรถนำเถ้ากระดูก สังกะสี เศษยางรถยนต์ อิฐบล็อก ไปทิ้งตามจุดต่างๆ คือ ริมถนนข้างทางใกล้หมู่บ้านนิคมเขาบ่อแก้ว บริเวณใกล้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ของหมู่บ้านกลางแดด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จริง

ขณะที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 ยื่นคำให้การ รับสารภาพว่า ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ใช้กำลังประทุษร้ายจับตัววีรชัยขึ้นรถยนต์ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังวีรชัยให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309วรรคแรก มาตรา 310 วรรคแรก จริง แต่ไม่ได้ทำร้ายวีรชัย ส่วนข้อหาอื่นนั้นจำเลยที่ 4 และที่ 5 ขอให้การปฏิเสธเสียทั้งสิ้น

เมื่อข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1, ที่ 2, ที่ 4 และที่ 5 ให้การรับสารภาพ รวมทั้งคำแถลงโต้แย้งพยานหลักฐานของจำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 ที่ยื่นต่อศาล ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 14 ส.ค. 2563 นั้น เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ข้อเท็จจริงตามที่ให้การรับสารภาพนั้นยุติไปบางส่วน และทำให้ความจำเป็นในการสืบพยานหลักฐานตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมอ้างไว้เดิมเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน จึงให้ยกเลิกวันนัดสืบพยานหลักฐานตามที่กำหนดไว้เดิม และกำหนดวันนัดสืบพยานหลักฐานใหม่ วันที่ 12 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง