ไม่พบผลการค้นหา
เอฟบีไอจับสมาชิกกลุ่มขวาจัดติดอาวุธ ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากักขังผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายบริเวณชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก

ทางการสหรัฐฯ แถลงว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอได้จับกุมแลร์รี มิตเชล ฮ็อปคินส์ ชายวัย 70 ปี ในข้อหาครอบครองอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมาย และคาดว่าจะถูกนำตัวขึ้นศาลในวันที่ 22 เม.ย.นี้ โดยฮ็อปคินส์เป็นสมาชิกของกลุ่ม United Constitutional Patriots (UCP) กลุ่มขวาจัดติดอาวุธในสหรัฐฯ ที่ถูกกล่าวหาว่า จับผู้อพยพไปกักขังอย่างผิดกฎหมาย

เฮ็กเตอร์ บัลเดอรัส อัยการของมลรัฐนิวเม็กซิโก กล่าวว่า ฮ็อปคินส์ ซึ่งใช้ฉายาว่า สไตรเคอร์ (Striker) เป็นบุคคลอันตรายที่ไม่ควรครอบครองอาวุธปืนอยู่ใกล้กับเด็กและครอบครัวในพื้นที่ การจับกุมฮ็อปคินส์ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หลักนิติธรรมจะต้องอยู่ในมือของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ไม่ใช่กลุ่มติดอาวุธที่ตั้งตนเป็นศาลเตี้ย

การจับกุมฮ้อปคินส์มีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังกลุ่ม UCP ซึ่งส่วนใหญ่ของ UCP เป็นทหารผ่านศึกวัยเกษียณเผยแพร่วิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า พวกเขากักขังผู้อพยพหลายคนอย่างผิดกฎหมาย ในทะเลทรายใกล้กับซันแลนด์ พาร์ก มลรัฐนิวเม็กซิโก บริเวณชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก

อย่างไรก็ตาม พวกเขาอ้างว่าพวกเขาคอยสอดส่องตามแนวชายแดนสหรัฐฯ ที่ติดกับเม็กซิโก เพื่อคอยรักษาความปลอดภัยและพาผู้อพยพที่ต้องการมอบตัวไปให้ตำรวจชายแดน และคอยไล่ตามคนที่พยายามหลบหนีเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย

ฮ็อปคินส์เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า กลุ่ม UCP ช่วยตรวจตราชายแดน เพราะเจ้าหน้าที่รัฐมีกำลังคนไม่เพียงพอ และพวกเขาจะคอยคุมชายแดนไปจนกว่าจะมีการสร้างกำแพงป้องกันผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจากเม็กซิโกตามที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสัญญาไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

ด้านกระทรวงต่างประเทศของเม็กซิโก ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับกลุ่ม UCP การกระทำลักษณะนี้สามารถนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้อพยพ ต้องการขอสถานะผู้ลี้ภัยหรือลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้อพยพจากอเมริกากลางนับพันหนีความยากจนและความรุนแรงไปยังเม็กซิโก เพื่อจะเดินทางต่อไปยังสหรัฐฯ ซึ่งทรัมป์ได้กล่าวว่า ผู้อพยพเหล่านี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติเงินสร้างกำแพงกั้นชายแดนทางตอนใต้เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์


ที่มา: AFP, BBC