ไม่พบผลการค้นหา
ศึกซักฟอกทั่วไปโดยไม่ลงมติในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ถือเป็นการ “ซักฟอก” ครั้งสุดท้าย ที่ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะถล่มรัฐบาล ใช้ชื่อยุทธการว่า “กระชากหน้ากากคนดี”

ฝ่ายค้านเตรียมฉายภาพการบริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 4 ปี ทั้ง เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ดีเดย์ 15 ก.พ. 2566

ปี่กลองเปิดศึกซักฟอก จะเริ่มดังขึ้นตั้งแต่เวลา 09.30 น. จนถึง 02.30 น. ของอีกวันหนึ่ง 

โดยฝ่ายค้านจะใช้เวลาในการอภิปราย ไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงในกรอบเวลาไม่เกิน 23.00 น. 

จากนั้นจัดสรรให้คณะรัฐมนตรีตอบคำถามชี้แจง 

ส่วนศึกซักฟอกวันที่สอง 16 ก.พ. 2566 จะเริ่มอภิปรายในเวลา 09.00 น. และจบภายในเวลา 24.00 น.

เบื้องต้นฝ่ายค้านเตรียมขุนพลซักฟอก เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 30 คน แบ่งเป็นพรรคเพื่อไทยประมาณ 15 คนขึ้นไป พรรคก้าวไกลเตรียมไว้เต็มพิกัด 15 คนเช่นกัน พรรคที่เหลือเป็นพรรคเล็กๆ ในฝ่ายค้าน พรรคละ 1 คน 

พิธา รัฐสภา สภาล่ม -53F3-4EF2-AD35-A5F722780762.jpeg

ถอดรหัสญัตติอภิปรายไม่ลงมติของฝ่ายค้านที่ปักหมุดถล่มรัฐบาล แยกตามหัวเรื่องดังนี้

การบริหารล้มเหลว - ผิดพลาดในด้านเศรษฐกิจ เช่น เกิดภาวะรวยกระจุก จนกระจาย คนในประเทศระดับฐานรากยังมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน คนไร้ที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น กลุ่มมารดาตั้งครรภ์เด็กแรกเกิดยังไม่ได้รับสวัสดิการ 

รัฐบาลมีการใช้จ่ายงบประมาณและการก่อหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล ส่งผลให้หนี้สินต่อครัวเรือนและต่อหัวประชากรสูงขึ้นเป็นลำดับ แต่กลับไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ ทำให้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจล้มเหลวโดยสิ้นเชิง 

การทุจริต เช่น รัฐบาลมุ่งใช้เงินเพื่อประโยชน์ในทางการเมือง ทั้งเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาล และเพื่อความมั่นคงและความอยู่รอดของตนเองทำให้การปฏิรูปการเมืองล้มเหลวจนทำให้ระบบการเมืองกลายเป็นธนกิจการเมือง (Money Politics)

มีการใช้เงินเพื่อให้ได้มาหรือรักษาไว้ซึ่งอำนาจทางการเมือง โดยมิได้คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม และภาระด้านงบประมาณของประเทศการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม เกิดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวาง

ทั้งจากโครงการขนาดใหญ่จนถึงระดับท้องถิ่นจนดัชนีชี้วัดด้านทุจริตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีการ เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนและพวกพ้องตนเองให้เกิดการผูกขาดและการแสวงหาผลประโยชน์ จากโครงการของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องปิดตัวเองลงจำนวนมาก ขณะที่การแก้ปัญหาที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกลับไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม

ปัญหาสังคม ยาเสพติด เช่น เป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคงและสุขภาพอนามัยรวมถึงชีวิตความปลอดภัยของประชาชนก็ไม่ได้รับการแก้ไข กลับปล่อยให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด อย่างแพร่หลายกระจายไปตามชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ 

 ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งพักยาเสพติดของผู้ค้าก่อนส่งไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกันปัญหาเรื่องบ่อนการพนันก็เกิดขึ้นทั่วไปภายใต้การรู้เห็นของเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยไม่มีการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง ปล่อยปละละเลยให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งหากินและบ่มเพาะอาชญากรรมต่อเนื่องและฟอกเงิน

จนกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความสงบเรียบร้อยของประชาชน ล้มเหลวในการป้องกัน   และแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจนสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ขณะที่การแก้ปัญหาความมั่นคงโดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมาก แต่กลับไม่สามารถทำให้ปัญหาเบาบางลงได้

ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ รวมถึงความเดือดร้อนของภาคการเกษตร เช่น เกิดปัญหาประมงพื้นบ้านที่ไม่ได้รับการแก้ไข ประมงระดับชาติก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง การยกระดับราคาสินค้าเกษตรก็ไม่บรรลุผล 

ปล่อยให้กลุ่มทุนต่างชาติเอารัดเอาเปรียบและสร้างอำนาจต่อรองเหนือเกษตรกร ขณะที่ ค่าครองชีพและราคาสินค้าก็สูงขึ้นจนยากที่จะควบคุม สร้างความทุกข์ยากให้แก่ผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างยิ่ง 

การป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยก็เป็นไปอย่างไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยให้เกิดน้ำท่วมขังในปริมาณสูงในหลายพื้นที่ ทั้งที่รัฐ มีเครื่องมือที่สามารถคำนวณปริมาณน้ำฝนได้ล่วงหน้าจนกระทบและสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างมาก 

ประยุทธ์  สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ 0220_51.jpg

ขณะที่ฟากรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ได้ตื่นตระหนกกับการเปิดซักฟอกฝ่ายค้าน แต่ขอให้รัฐมนตรีทุกคนเตรียมตัวให้ดี 

“ขอให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงเตรียมความพร้อมในการเปิดอภิปราย ซึ่งจะเป็นการอภิปรายรัฐบาลในภาพรวม ไม่ใช่อภิปรายตัวบุคคล แต่อยากให้ทุกกระทรวงและรัฐมนตรีทุกคน ใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงการทำงานของรัฐบาล” 

สายัณห์ พลังประชารัฐ ประชุมสภา -220F-4649-9713-01BF265604EB.jpeg

เมื่อฝ่ายค้านจัดขุนพลซักฟอก ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องเตรียมทีม “องครักษ์” พิทักษ์ ประยุทธ์ แบ่งเป็น 2 สเต็ป

สเต็ปแรก งานในสภาฯ มี ส.ส.ตัวจี๊ด ทั้งจากพรรคพลังประชารัฐ และพรรคพลังประชารัฐที่เตรียมย้ายไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ คอยเป็นหน่วยตอบโต้ เช่น สายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ประธานวิปรัฐบาล

สเต็ปสอง วอร์รูมนอกทำเนียบ มี 3 ประสานประเภท ปากจัด - กัดไม่ปล่อย คือ “ธนกร วังบุญคงชนะ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ “เสกสกล อัตถาวงศ์” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี รวมถึง “ทิพานัน ศิริชนะ” รองโฆษกรัฐบาล คอยมอนิเตอร์ตอบโต้ปะทะคารมณ์ แก้ต่างให้รัฐบาลนอกสภา 

ศึกซักฟอกครั้งสุดท้ายในปลายสมัยของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 23 มี.ค. 2566 ต้องดุเดือดแน่นอน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง