ไม่พบผลการค้นหา
'เพื่อไทย' เสวนาโค้งสุดท้ายเลือกตั้งท้องถิ่น ชูโมเดล 'อบจ. 2021' ยกเครื่องคิดใหม่ ทำใหม่ เชื่อมโยงประชาชนสลายรัฐรวมศูนย์ สับ 6 ปีอำนาจรวมศูนย์ที่นายกฯ ดัน ‘สมาร์ท อบจ.’ ทำท้องถิ่นมีคุณภาพ ขณะที่ ส.ส.เลย ชี้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ต้องทุบทำลายรัฐรวมศูนย์ สถาปนายุคทองการกระจายอำนาจ

พรรคเพื่อไทย จัดงานเสวนา “คิดใหม่ ทำใหม่ อบจ. 2021 สร้างโอกาสใหม่ เพื่ออนาคตท้องถิ่นไทย” เปิดมิติการทำงานองค์การปกครองท้องถิ่น เพื่อยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ในภาวะวิกฤติเศษฐกิจและความเหลื่อมล้ำ โดยมีผู้ร่วมอภิปราย อาทิ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิทยา บุรณศิริ' อดีตนายกสมาคม อบจ. แห่งประเทศไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ,'เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย

กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย และ ธีรชัย ระวิวัฒน์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย

เสวนาเพื่อไทย8.jpg

สมาร์ท อบจ.

โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 20 ธ.ค. ถือเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นในรอบ 6-8 ปี สำหรับภาพลักษณ์ของ อบจ.ในสมัยก่อน ประชาชนต้องทบทวนใหม่ ว่าความเคยชินที่เคยเลือก นายกฯ อบจ.มันยังสอดคลองกับอนาคตประเทศหรือไม่ สำหรับ 4 เดือนที่ผ่านมาเกิดการชุมนุมของเยาวชนและประชาชน แต่สิ่งที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งคือผลกระทบจากการบริหารประเทศ รัฐบาลในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ที่ได้รวมศูนย์อำนาจให้การตัดสินใจตกอยู่ที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว

อีกทั้งการแก้ปัญหาPM 2.5 และการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ไม่ตอบโจทย์ ซึ่งจะเป็นทดสอบให้ อบจ.ว่าจะรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างไร พรรคเพื่อไทยต้องการ "สมาร์ท อบจ." ที่มีศักยภาพทำให้ท้องถิ่นมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างมียุทธศาสตร์ ต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายติดอาวุธทางปัญญาให้กับทุกคน ยิ่งในภาวะที่รัฐบาลพึ่งไม่ได้เช่นนี้ อบจ.คือหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนที่สุด ด้วยการเชื่อมโยงเป็นแพลตฟอร์มกับหน่วยต่างๆ มี

"สิ่งที่เราต้องการวันนี้ไม่ใช่คนที่มาสร้างถนน คนมาสร้างศาลา แต่เราอยากได้คนที่มาบริหาร เข้าถึงได้แบ่งปันกันได้ แล้วเอาความรู้ความสามารถไปเชื่อมโยงต่อกันเป็นเครือข่าย เพื่อที่จะสามารถยกระดับประเทศไทยทั้งประเทศ นั่นคือสิ่งที่เป็นภารกิจที่ท้าทาย" นพ.สุรพงษ์ กล่าว 


นายกฯ อบจ.ในฝัน
เสวนาเพื่อไทย18.jpg

นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ในจังหวัดทางภาคเหนือ พบว่าประชาชนเข้าถึงการบริการสาธารณะได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากบุคคลากรและเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ สะท้อนถึงความล้มเหลวของระบบบริหารราชการส่วนกลาง เพราะกระทรวงสาธารณสุขมีงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท แต่ประชาชนกลับยังมีปัญหาสุขภาพ

ซึ่งถ้า อบจ.มีอำนาจมีงบประมาณ สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านสุขภาพ และยกระดับเพื่อแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลได้ ด้วยการตั้งคลีนิคชุมนุมจ้างหมอด้วยตนเอง ขณะเดียวกันหลักสูตรการศึกษาต้องได้รับการปฏิรูปให้สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน เนื่องจากยังยึดติดรูปแบบการท่องจำ ไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นอย่างมีศักยภาพได้  

"นี่คือโอกาสการสร้าง นายกฯอบจ.ในฝันแบบเพื่อไทย เข้าไปทำงานเพื่อสนับสนุนเรื่องงบประมาณโรงพยาบาล และโรงเรียนต่างๆปฏิรูปหลักสูตรให้สอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ และเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เข้าไปเรียนรู้ได้" นพ.ทศพร กล่าว


กระจายอำนาจคือยาวิเศษ
เสวนาเพื่อไทย14.jpg

เลิศศักดิ์ พัฒนาชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย และอดีตนายกเทศมนตรีจังหวัดเลย กล่าวว่าการกระจายอำนาจสู่องค์การปกครองท้องถิ่นคือ 'ยาวิเศษ' ในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัจจุบันคนไทย 99 % ถือครองทรัพย์สินเพียง 33 % ทว่าเจ้าสัว 1 % ครอบงำตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ในส่วนภาคธุรกิจต่างๆรวมถึงการเข้าไปถือหุ้นโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งในอนาคตการเข้าถึงการให้บริการมีแนวโน้มสูงขึ้นมาก

เลิศศักดิ์ ย้ำว่าตนมองว่าการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่คำตอบคือทำให้คนจนเข้าถึงการบริการสาธารณะ เฉกเช่นเดียวกันอย่างเท่าเทียมทุกชนชั้น ส่วนระบบการศึกษาตามต่างจังหวัด ก็ได้รับผลกระทบจากนโยบายยุบรวมโรงเรียน สร้างความลำบากทั้งเด็กนักเรียนและคณาจารย์ ตนเสนอว่าเปลี่ยนจากยุบรวมให้เป็นการถ่ายโอนอำนาจให้ อบต.-อบจ. บริหารได้หรือไม่

"การกระจายอำนาจในประเทศเรา เริ่มต้นเมื่อปี 2540 ตามรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ริเริ่มให้มีการเลือกนายกฯ อบจ.ครั้งแรก ผลพวงครั้งนั้นส่งต่อให้เกิดกระจายภารกิจให้ท้องถิ่นดูแลประชาชน แต่แล้วการรัฐประหารก็ดับสวิตซ์การกระจายอำนาจไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการสร้างรัฐราชการรวมศูนย์ ผมเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ บุคลากรของพรรคเพื่อไทยที่จะถ่ายทอดให้ความรู้กับ อบจ. เพื่อทุบทำลายรัฐรวมศูนย์ และสถาปนายุคทองการกระจายอำนาจได้"


ไม่ต้องรอ แต่ต้องรุก
เสวนาเพื่อไทย20.jpg

กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการยกระดับ SMEs การค้าชายแดนมีความสำคัญสอดคล้องกับการสร้างนวัตกรรมในยุคสมัยใหม่ เพราะปัจจุบันเยาวชนเติบโตมากับเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด ด้วยการแลกเปลี่ยนไอเดียจากสภาพแวดล้อมเล็กๆ สร้างโอกาสให้คนทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัย วันนี้ธุรกิจขนาดเล็กมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ยกตัวอย่างธุรกิจยานยนต์ที่ต้องพึ่งผู้ประกอบการรายย่อย อย่างไรก็ตามวันนี้บริษัทเล็กทำมากได้น้อย เราจึงต้องพัฒนาให้ อบจ.เข้ามามีบทบบาทสำคัญในการผลักดันคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบการรายย่อยให้ดีขึ้น


ปฏิรูป อบจ.
เสวนาเพื่อไทย2.jpg

วิทยา บุรณศิริ อดีต ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย และอดีตนายกสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย ระบุว่าสิ่งสำคัญที่สุดของ อบจ.เมื่อขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่ บทบาทของ อบจ.คือการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจหยุดชะงัก อบจ.ต้องดูแลราคาเยียวยาสินค้าพืชผลเกษตร รองรับวิกฤตภัยแล้งและยกระดับการศึกษา ดังนั้นผู้สมัครอบจ.ของเพื่อไทย ต้องทำภารกิจอย่างมีวิสัยทัศน์ให้ตอบโจทย์ประชาชน ความคาดหวังการเลือกตั้งครั้งนี้ ระดับนโยบายมีให้พี่น้องประชาชนเลือกหรือไม่ เพื่อไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กระบวนการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเป็นที่มาของการบริหารแบบมีวิสัยทัศน์ เพื่อให้เกิดรายได้กับพี่น้องประชาชน ระหว่างที่ประเทศเผชิญวิกฤต


สลัดภาพจำ อบจ.
เสวนาเพื่อไทย21.jpg

ด้าน ธีรชัย ระวิวัฒน์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า คนรุ่นตนเกิดมาในช่วงที่บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้ถูกหล่อหลอมว่าการเมืองคือเรื่องผลประโยชน์คือเรื่องสกปรก ยิ่งการเมืองท้องถิ่นยิ่งทำให้มันน่ากลัวว่ามันเป็นเรื่องของอิทธิพล ส่วนตัวที่ผ่านมาไม่เคยคาดหวังเลยในตัวของ อบจ. เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน่วยงานนี้ทำอะไรบ้าง

ดังนั้นผู้สมัคร อบจ.ต้องแก้ภาพจำนั้น ด้วยการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของผู้บริหาร เพราะประชาชนไม่ได้ต้องการผู้มีอิทธิพลเข้ามาดูแล สามารถสร้างความหวังให้เมืองมันมีชีวิตได้ จากนั้นคนรุ่นใหม่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการดูแลเรื่องท้องถิ่นต่อเป็นยอดเป็นโครงการใหม่ๆ 

ธีรชัย ระบุว่า ตนฝันอยากให้เมืองเป็นแหล่งบ่มและผลิตนักบริหารที่จะมาขับเคลื่อนพัฒนาท้องถิ่น ไม่ใช่คนที่เข้ามาบ่มเพาะอำนาจเพื่อขยับไปเล่นการเมืองระดับชาติ โดยลดระบบราชการลง ลดความเป็นราชการลง ดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเพิ่มขึ้นดีหรือไม่ พวกท่านทั้งหลายที่มีส่วนในการเมืองท้องถิ่นต้องสลัดภาพจำของคนรุ่นตนให้ได้ ดังนั้น อีก 5 วันข้างหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่าการเมืองท้องถิ่นจะเป็นอย่างไร จึงอยากส่งเสียงไปยังคนหนุ่มสาวว่า กลับบ้าน แล้วไปสร้างเมืองในฝันกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง