เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยในส่วนของพรรคภูมิใจไทย กรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ไม่อยากพูดว่าเป็นการเอาสาธารณสุขเป็นข้ออ้างบังหน้าในการกู้เงิน ที่ผ่านมามีการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณส่วนสาธารณสุข 450,000 ล้านบาท ขณะที่การกู้เงินอีก 500,000 ล้านบาทในครั้งนี้ มีงบของกระทรวงสาธารณะสุขไม่กี่หมื่นล้าน หากรู้ว่าหัวใจในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 คือสาธารณสุข คงไม่จัดสรรงบประมาณแบบนี้
กรวีร์ กล่าวว่า สิ่งที่อยากเห็นในการใช้จ่ายงบประมาณ คือต้องไม่เยียวยาแบบเดิม วันนี้มีการใช้เงินเยียวยาไปมากถึง 700,000 ล้านบาท และการกู้ใหม่จะใช้เงินเยียวยาอีก 300,000 ล้านบาท ซึ่งหากการเยียวยาแบบเดิมได้ผลจริง วันนี้คงไม่ต้องมีการกู้เพิ่ม จึงเสนอว่า เยียวยาต้องไม่ใช่การแจกเงิน แต่ต้องเน้นการสร้างงาน สร้างอาชีพสร้างรายได้ เปลี่ยนจากเศษเงินเป็นงาน สร้างโอกาสให้กับชาวบ้าน
กรวีร์ กล่าวว่า นาทีนี้การกู้เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ ที่สุดคือการกู้หน้านายกรัฐมนตรี กู้หน้ารัฐบาลแห่งนี้ และกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้ได้ เพราะถ้าไม่กู้ความเชื่อมั่นให้กลับมา แม้จะมีการกู้เงินอีกกี่ล้านล้าน ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาครั้งนี้ได้
ด้าน เพชรดาว โต๊ะมีนา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ซึ่งเป็นหน่วยกลั่นกรองงบประมาณ ไม่มีความถนัดในด้านสาธารณสุข แต่มีความถนัดในด้านเศรษฐกิจ จึงกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกปลา ซึ่งควรจะเป็นหน้าที่ของมูนิธิ จิตอาสา หน้าที่สภาพัฒน์ควรจะเป็นการแจกเบ็ดให้ทั่วถึง แต่ที่ผ่านมาไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุเลย แต่กับการเยียวยากลับเทกระจาด ยิ่งแจก ยิ่งเจ๋ง ยิ่งปิดกิจการ
ด้าน สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทก่อนหน้านี้ สภาพัฒน์ ไม่ให้ความสำคัญกับเวลา ทำให้หลายโครงการล่าช้า โดยต้องรอให้ ส.ส.รัฐบาลด้วยกันเองมาตำหนิกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งความจริงกระทรวงสาธาณสุข มีแผนงานโครงการเสนอสภาพัฒน์อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ผ่านสภาพัฒน์การกลั่นกรอง แสดงว่าสภาพัฒน์ไม่ให้ความสำคัญกับเวลา ทั้งที่ พ.ร.ก.บอกว่า ต้องเร่งเยียวยาฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน
สิริพงศ์ กล่าวว่า สภาพัฒน์ ขาดความคิดสร้างสรรค์ ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ พรรคภูมิใจไทย หวังเห็นว่า พ.ร.ก.กู้เงินฉบับนี้ จะฟื้นฟูเยียวยาประชาชนได้อย่างแท้จริง และเราจะปล่อยผ่านไปอย่างไม่มีอะไรไม่ได้ จึงเสนอตั้งกรรมาธิการเพื่อติดตามการใช้งบประมาณ และหน้าที่ของกรรมาธิการต้องไม่ใช่แค่การรับฟังรายงานจากสภาพัฒน์
“บางท่านอาจคิดว่าเราเล่นละคร ไม่เป็นไร ถ้าเราเล่นท่านก็เล่น เพราะไม่ใช่มีแค่ พ.ร.ก.ฉบับนี้ที่เราอภิปรายอย่างดุเดือดแล้วก็ต้องไปรับ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายรัฐบาลที่ทำ ฝ่ายค้านก็รับกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ผมคิดว่าการแสดงความเห็นเป็นไปอย่างเสรี หากคิดว่าการแสดงความเห็นเป็นเรื่องผิด ท่านไม่ใช่ประชาธิปไตย ท่านไม่สามารถหามิตรได้จากการกระแนะกระแหน เสียดสี แต่ท่านหาแนวร่วมได้จากการเข้าอกเข้าใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำหน้าที่ตอบแทนประชาชนที่ได้เลือกเรามา”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง