นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การยกเลิกคำสั่งและประกาศคสช. ไม่ได้เป็นเรื่องตื่นเต้นหรือน่ายินดีแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับสร้างความรู้สึกขมขื่นใจ เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คำสั่งและประกาศที่ คสช.ได้บีบบังคับและคุกคามประชาชนโดยปราศจากการควบคุมตรวจสอบอย่างอิสระ การบริหารประเทศล้มเหลว อยากถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า หัวหน้า คสช.เป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช่หรือไม่ ที่ออกประกาศยกเลิกคำสั่งที่ตัวเองเคยออกไว้ ถ้าไม่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วเป็นอะไร แล้วทำไมใครๆ ขัดขืนหรือโต้แย้งไม่ได้
นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะรู้สึกอย่างไรที่ต่อไปนี้ ไม่มีมาตรา44 ไว้ควบคุมเสรีภาพสื่อ และจำกัดสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชนอีกแล้ว การเรียกคนทำสื่อมาปรับทัศนคติ กักตัวไว้ ข่มขู่ กำราบให้หวาดกลัวเพื่อจะได้ไม่กล้าเสนอข่าวและวิพากษ์วิจารณ์ คสช.และรัฐบาลได้อย่างอิสระเสรี จะทำไม่ได้อีกต่อไป
คำขอโทษสื่อสักคำมีหรือไม่ ที่หัวหน้า คสช. จะพูดออกมาด้วยความสำนึกผิด เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาได้ใช้อำนาจพิเศษจำกัดเสรีภาพสื่ออย่างเต็มที่ ทีวีถูกปิดไปกี่ช่อง เสียหายในทางธุรกิจเท่าไหร่ ภาพลักษณ์ของไทยต้องเสียหายไปเท่าไร พล.อ.ประยุทธ์ รู้หรือไม่ว่าวิชาชีพสื่อเปรียบเหมือนนกที่ต้องมีเสรีภาพในการบินอยู่บนท้องฟ้า แต่ต้องถูก คสช.จับเอามาขังไว้ในกรง นี่คือความเจ็บปวดของคนทำสื่อ
นอกจากนี้ การขึ้นศาลทหารสะท้อนถึงความอยุติธรรม ในกระบวนการพิสูจน์ความจริง ซึ่งโดยหลักแล้วต้องให้ศาลยุติธรรมพิจารณาคดี นี่คือความอัปลักษณ์ที่พลเอกประยุทธ์ได้ทำไว้
รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุใดหัวหน้าคสช.จึงไม่ยกเลิกคำสั่งและประกาศ อีกหลายฉบับที่เรียกให้ผู้ที่เห็นต่างมารายงานตัวกับคสช. หลังก่อรัฐประหารใหม่ๆ ใครไม่มาก็ถูกจับกุมดำเนินคดีมีโทษทั้งจำคุกและปรับ ขณะนี้มีผู้ที่หลบลี้หนีภัยการเมืองไปอยู่ในต่างประเทศอีกหลายคน คนเหล่านี้ต้องพลัดพรากครอบครัว พวกเขาอยากกลับ มาบ้านเกิดเมืองนอนแต่ก็ยังกลับมาไม่ได้เนื่องจากยังมีคำสั่งคสช.อยู่ อยากถามว่าพลเอกประยุทธ์ยังอาฆาตเคียดแค้นที่คนเหล่านี้ไม่ยอมสยบก้มหัวให้กับคสช.ใช่หรือไม่ และรู้ไหมว่านี่คือการสร้างภาระให้กับสภาผู้แทนราษฎรที่จะต้องเสียเวลาไปกับการเสนอร่างกฎหมายเพื่อให้ยกเลิกคําสั่งคสช.ดังกล่าว เรื่องนี้จึงน่าจะเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ต้องการสร้างความปรองดองอย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :