นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ หยิบยกความขัดแย้งในอดีตมาหาเสียง ระบุจะรบหรือจะระเบิดก็เลือกเอา ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าพอสารพัดปัญหารุมเร้า กระแสความนิยมผ่านโพลสำนักต่างๆ คะแนนนิยมพรรคพลังประชารัฐลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงปลุกผีความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สารภาพว่าคนจะอดตายอยู่แล้ว ทำโครงการรัฐชื่อเหมือนพรรคการเมือง 4 รัฐมนตรี ไม่ยอมลาออก
ขณะที่นายอำเภอและเจ้าหน้าที่รัฐพาผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่หาเสียง แล้วยังมีประเด็นสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายจากจัดโต๊ะจีนพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ บอกว่ารัฐธรรมนูญออกแบบเพื่อพวกเราและพูดในทำนองว่ามี ส.ว. 250 คน รองรังอยู่แล้ว มั่นใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ประเด็นเหล่านี้เป็นการท้าทายประชาชนและเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นอย่างชัดเจนหรือไม่
อย่างไรก็ดีพรรคพลังประชารัฐ ต้องหันไปสำรวจตัวเองว่า มีพฤติกรรมที่จะเป็นเหตุแห่งความขัดแย้งหรือไม่ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เหมือนลิงแก้แห แก้ไม่ตก ผลงานในช่วง4-5ปีที่ผ่านมา ประชาชนรายได้ลดลง หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นหรือไม่ ความจริงแกนนำม็อบชัตดาวน์ประเทศหลายคนไปเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ถ้านายสนธิรัตน์ มั่นใจก็ให้ระบุไปเลยว่าเลือกพรรคไหน จะมีความขัดแย้ง อย่าไปผูกขาดความปรองดองไว้เพียงพรรคเดียว การปลุกผีความขัดแย้งใส่ร้ายพรรคอื่น กกต.ต้องไปตรวจสอบว่าผิดกฎหมายหรือไม่
สำหรับพรรคเพื่อไทยนั้น พยายามมุ่งมั่นนำเสนอแนวทางสร้างความปรองดองสมานฉันท์ อยากให้ประเทศเดินหน้า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพผลการตัดสินใจของประชาชน มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ แพ้ไปเป็นฝ่ายค้าน ชนะไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ยึดมั่นในระบบรัฐสภา ปัญหาจะไม่เกิด