วันที่ 1 มิ.ย. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเรื่องด่วน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ เป็นวันที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงฝ่ายค้านว่า ตนนั่งฟังมาตลอดและคิดว่าสมาชิกทุกคนคาดหวังให้ประเทศเจริญเติบโต แต่มาเช้านี้ตนก็งงๆ ว่ากำลังพิจารณางบฯ ปี 2566 หรือพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งยังไม่เป็นรัฐบาลเวลานี้ อย่าใช้โอกาสนี้ในการหาเสียงผิดเวที
พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า การที่รัฐเก็บภาษีได้น้อยลงเพราะสถานการณ์โควิด-19 สงครามในต่างประเทศ แต่รัฐบาลเตรียมมาตรการรองรับไว้หลายอย่างเพื่อให้จีดีพีประเทศสูงขึ้น รวมถึงแก้ปัญหาความจนแบบพุ่งเป้ารายครัวเรือน เพราะสิ่งสำคัญวันนี้ต้องทำให้ทุกคนอยู่รอด ซึ่งรัฐบาลก็ลำบากไม่ใช่สบายใจมีความสุข เพราะบางคนพูดว่า รัฐบาลมัวรีดภาษีนั้นตนได้รีดใครหรือยัง ถ้าจะพูดเพียงว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลยตนคิดว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งตนอยากให้คนที่อภิปรายว่ารัฐบาลหาเงินไม่เป็น มองย้อนไปบ้างที่ผ่านมารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง
และกรณี ศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย บอกว่ารัฐบาลไม่ได้อะไรในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล รู้หรือไม่เราให้ความสำคัญไม่ใช่พูดและมันจะเกิดขึ้นมาในอากาศ เพราะมันต้องใช้เวลามาจนถึงวันนี้เพื่อนำมาแก้ปัญหาราชการได้บ้าง อะไรที่เป็นประโยชน์ต้องช่วยกันอย่าขัดแย้งกัน
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ตนให้โยบายไปแล้วทุกกระทรวงต้องลดข้าราชการลงทุกปีในการบรรจุข้าราชการใหม่ และจัดหาระบบอุปกรณ์มาทดแทน พร้อมระบุว่าโครงการดีๆไม่ถูกพูดถึงเลย ตนจึงต้องชี้เแจง อะไรที่ไม่ดีไม่เห็นด้วยก็จะรับไปพิจารณาไม่อย่างนั้นก็ติดคุก พร้อมย้ำว่า ทุกคนต้องช่วยทำให้ประชาชนรวมตัวเพื่อสร้างสรรค์ไม่ใช่แตกแยก เพราะไม่มีใครบริหารได้ถ้าทุกอย่างขัดแย้ง
ส่วนการใช้งบกลางที่ถูกอภิปรายว่าเหลือเฟือมากมาย นายกฯ ไว้ใช้เองเอื้อประโยชน์ พูดอย่างนี้พูดแบบไม่มีหลักการ เพราะมีหลักการใช้งบแผ่นดินทุกข้อ พร้อมชี้แจงว่าตนไม่เคยชี้ให้ใครไปทำโครงการอะไร และที่หาว่าตนสั่งได้หมด สั่งผู้ว่าฯ สั่งท้องถิ่นทำนี่ทำโน่น ตนไม่เคยทำแบบนั้น และที่ทำงานมากับข้าราชการ 8 ปีรู้อะไรอีกเยอะแยะมากมายว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงถูกครอบงำสั่งการไหม ฉะนั้นอย่างมาพูดเรื่องนี้กับตน
ช่วงท้ายภายหลังใช้เวลาชี้แจงพักใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนขอใช้เวลาเท่านี้ซึ่งตนพูดได้ทั้งวันเพราะทำมากับมือโดยใช้คณะทำงานเป็นร้อย และในขณะนั้นมี ส.ส.ยกมือ พล.อ.ประยุทธ์ ก็กล่าวว่า ไม่ต้องยกมือประท้วงตนหรอก ก่อนยุติแถลงชี้แจงไป
ในช่วงท้าย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นประท้วงนายกฯ ว่า ที่อ้างว่าฝ่ายค้านไม่มีโอกาสเป็นรัฐบาลใช้เวทีอภิปรายงบเป็นเวทีหาเสียงนั้น ชี้แจงว่านี่คือเวทีพิทักษ์ภาษีประชาชน ถ้าติอย่างเดียวไม่หาอะไรใหม่ๆก็ถูกหาว่าเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งไม่ต้องกลัวหากถึงเวลาของฝ่ายค้านเมื่อไหร่ทำแน่
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ท้วงนนายกฯ ป้ายสีให้สภาเสียหาย
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ตอบโต้กลับนายกฯ ว่า เมื่อฟังคำตอบคิดว่าเป็นการกล่าวหาสภาฯให้ร้ายป้ายสีทำให้สภาเสียหาย
โดยนพ.ชลน่าน ระบุว่า หากตีความตามนายกฯพูด สภาผิดทั้งหมด โดยเฉพาะงบลงทุนที่ตนอภิปรายไปเมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) โดยเปรียบเทียบงบลงทุนปี 2565 กับปี 2566 ตนชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลจัดเก็บรายได้ไม่ได้ จะทำให้งบลงทุนหมิ่นเหม่ต่อการผิด พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง โดยพรรคเสรีรวมไทยชี้เห็นว่าเหลือน้อยกว่าที่จัดตั้งไว้ ซึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของวงเงินงบประมาณ การที่ท่านตอบมาว่าตั้งแล้ว ทำถูกกฎหมายแล้ว แต่ กมธ.และสภาไปตัดลดให้เหลือ 19.74 นั้น นี่คือการโยนผิดให้สภาฯ โทษคนอื่น ถ้าตนไม่ชี้แจงสภาจะเสียหายทุกกระบวนการ
นพ.ชลน่าน ฝากไปถึงนายกฯว่าฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่อนุมัติงบประมาณ ถ้ารายการใดไม่เหมาะสม มีสิทธิที่จะปรับลดไม่ว่างบก้อนใด เว้นแต่กฎหมายบัญญัติว่าห้ามปรับลดเท่านั้น ซึ่งงบลงทุนกฎหมายไม่ได้บัญญัติห้ามปรับลด ถ้าท่านขอซื้อเครื่องบิน หรือเรือดำน้ำมา เราสามารถปรับลดได้ทั้งหมด การที่ท่านบอกว่าปรับลดแล้วทำให้เม็ดเงินลดลง เมื่อพวกเราปรับลดแล้วเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องใช้โครงการขอใช้งบแปรญัตติหรืองบปรับลด โดยเรามีหน้าที่อนุมัติงบปรับลดนั้นให้กับโครงการที่ขอมา
“นายกฯไม่ควรแสดงภาวะเช่นนี้ในการโยนผิดให้คนอื่น แม้กระทั่งหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติท่านยังล่วงเกินเลย ท่านไม่เหมาะจริงๆ ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เวลาตอบในสภา ฝากนายกฯไปบอกคนเขียนโพยด้วยว่าเวลา
'เพื่อไทย' ไล่ 'ประยุทธ์' ลาออก ชำแหละงบฯ ศธ.ไม่สอดคล้อง รธน.
ต่อมา ขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การที่นายกฯบอกว่าพูดอะไร ส.ส.ไม่ฟัง แสดงว่า ส.ส.ไม่นั่งอยู่แปลว่าไม่ฟัง แต่ตอนนี้ตนพูดนายกฯก็ไม่นั่งฟัง ซึ่งจริงๆ แล้วเราฟัง เห็นทั้งกิริยาท่าทางของนายกฯ แต่ท่านไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ฟังแล้วก็ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลง เวลาทำงบประมาณก็ไม่รู้สึกรู้สาต่อสถานการณ์ มาตอบในสภาเหมือนไม่รับผิดชอบบอกว่าไม่ได้ทำเอง ถ้าไม่อยากรับผิดชอบกับงบที่แถลงมาและในเอกสาร ลาออกไป แล้วให้คนอื่นเขามารับผิดชอบ
“ผมเจอนายกฯหลายท่าน ผมทำงานการเมือง ทุกคนต้องรับผิดชอบหมด ไม่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในเอกสาร คนที่รับผิดชอบต่อสภาคนแรกคือนายกฯ จะปฏิเสธไม่ได้ นายกฯท่านต้องรับผิดชอบในโครงการทั้งหมดของงบประมาณ ผมเห็นใจท่านนายกฯเหนื่อยมาตั้งแต่มีสภา แต่เดี๋ยวนี้สภาทำบทบาทได้ 30 เปอร์เซนต์เท่านั้น นอกนั้นเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ท่านเหนื่อยมากผมเข้าใจ ท่านทำงานทุกอย่างเพื่อจะรับผิดชอบประเทศนี้ แต่บนความเหนื่อยของท่านใช้งบประมาณ ยืมเงินมา เป็นหนี้สาธาณะ 10 ล้านล้านบาท มากกว่าคนอื่น ท่านรับผิดชอบหรือไม่ และเป็นผลงานของท่านหรือไม่ แล้วถ้าไปตรวจดูการใช้งบของท่านทั้งหมดที่ท่านใช้ไปประมาณปีละ 3 ล้านล้านบาท และปีนี้ 3.18 ล้านล้านบาท มีผลอย่างไรต้องไปดูทั่วประเทศ ซึ่งนายกฯที่ชื่อประยุทธ์ต้องรับผิดชอบ” ขจิตรกล่าว
ขจิตรอภิปรายว่า กระทรวงศึกษาธิการ กับกระทรวงอุดมศึกษาฯ ใช้เงินประมาณ 4-5 แสนล้านบาท 80 เปอร์เซนต์ของกระทรวงศึกษาฯใช้กับงบบุคคลากร เหลืออยู่ประมาณ 9,775 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบพัฒนา และ 90 เปอร์เซ็นต์เป็นงบค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งไม่ถึงมือครู ครูยังต้องใช้เงินตัวเองทำกิจกรรมการเรียนการสอนเอง การทำโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ใช้เงิน 4,954 ล้านบาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 54 เพราะรัฐบาลต้องจัดการศึกษาให้กับประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีคุณภาพ และทั่วถึง ดังนั้น การจะมาทำโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล แปลว่าโรงเรียนอื่นไม่มีคุณภาพใช่หรือไม่ ซึ่งนายกฯต้องรับผิดชอบ
ลุกแจงลดงบฯ ศธ. ไม่เคยท้อทำงาน 24 ชั่วโมงสั่งการมาตลอด
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งว่า ที่ถูกกล่าวหาโยนความผิดให้คนอื่นไม่ใช่แบบนั้น พร้อมยืนยันนายกฯ ไม่หนีแน่นอน อย่าพูดเกินเลยไป
จากนั้นน พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ตนให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเด็ก ซึ่งแม่ตนก็เป็นครูและตนเคยเป็นครูทหาร ฉะนั้นวันนี้เราต้องปรับวิธีการสอนให้ทันเทคโนโลยี ส่วนงบกระทรวงศึกษาที่ลดลงมาส่วนหนึ่ง เพราะเด็กที่เข้าระบบลดลดเนื่องจากเด็กเกิดใหม่น้อย แต่ถ้าต้องเพิ่มก็พร้อมให้ไปดูซึ่งยินดีสนับสนุนด้วยงบกลาง ส่วนการแต่งตั้งครูระดับพื้นที่ตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณา เพราะก่อนหน้านี้มีเรื่องร้องเรียนมาก อาทิ การซื้อขายตำแหน่งเพื่อโยกย้าย ฉะนั้นท่านต้องไปข้อมูลเพิ่มเติมมา หากไม่ใช่ก็พร้อมปรับคืนให้
ส่วนการที่ตนจะนั่งอยู่ในการอภิปรายหรือไม่ ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีมีความรับผิดชอบ มีการบันทึก ซึ่งอ่านตลอดเวลาแม้จะไปภารกิจอื่น ส่วนการปราบปรามทุจริต ขอให้มองกลับไปอีกมุมเมื่อก่อนคดีน้อยแต่การทุจริตเยอะ ไม่ใช่วันนี้มีคดีเยอะแปลว่าตนปล่อยปะละเลย ซึ่งถือว่าไม่มีตรรกะในการคิด พร้อมประกาศว่าเรื่องทุจริตถ้ามีส่งข้อมูลมาเลย หรือจะส่งมาที่ตนก็ได้พร้อมปกปิดให้ ซึ่งตนก็สั่งมาตลอดพร้อมยืนยันไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า ตนไม่เคยท้อ และทำงานทุกวัน ไม่ว่าที่ทำเนียบฯ หรือที่อื่นสามารถสั่งการได้ 24 ชั่วโมงตลอดเวลาไม่ว่าในหรือต่างประเทศ
"ผมยืนยันจะไม่ทำอะไรที่จะเกิดประโยชน์กับตนเองหรือใคร ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายระเบียบทุกประการ นอกจากนี้ยอมรับว่า ผมทราบบางทีอารมณ์อาจแรงนิดนึง เพราะเป็นมนุษย์คนหนึ่งซึ่งบางครั้งก็พยายามระวังที่สุดในการพูด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
'ประยุทธ์' ไม่กังวลศึกอภิปรายพ.ร.บ.งบฯ วันที่ 2
ต่อมาเวลา 14.11 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ วันที่ 2 ระหว่างเดินทางออกจากรัฐสภา ว่า ไม่มีอะไร ก็ชี้แจงกันได้ดี ก็โอเคแล้ว
เมื่อถามว่ามีจุดใดที่เป็นประโยชน์เพื่อให้ ส.ส.ไหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวก็ไปสรุป ไปฟังในสภาโน่น
เมื่อถามย้ำว่านายกฯ ตอบได้ชัดเจนในสภาใช่ไหม พล.อ.ประยุทธ์ เปิดกระจกรถ ก่อนถามกลับนักข่าวว่า ก็ฟังเองแล้วไม่ใช่หรือ
อย่างไรก็ตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วงเย็นวันนี้ มีกำหนดการต้อนรับ นายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ทำเนียบรัฐบาล