ไม่พบผลการค้นหา
กรมอนามัย แนะท้องถิ่นคุมเข้มน้ำประปา ช่วงมีการระบาดโรคโควิด-19 ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก และยังไม่มีหลักฐานการพบเชื้อไวรัสชนิดนี้ในน้ำอุปโภค-บริโภค

นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่าจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกยังไม่พบหลักฐานยืนยันว่าพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในน้ำผิวดิน น้ำบาดาล น้ำประปา หรือน้ำบริโภค เนื่องจากไวรัสชนิดนี้มีเยื่อหุ้มที่มีความทนทานต่อสภาวะแวดล้อมได้ต่ำ และถูกทำลายได้ง่ายจากสารเคมีที่ใช้ในการฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน ดังนั้นความเสี่ยงที่จะพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในน้ำประปาจึงค่อนข้างต่ำ แต่องค์การอนามัยโลกได้ให้คำแนะนำในการจัดการน้ำสะอาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนโดยเฉพาะระบบการผลิตน้ำประปาให้มีการควบคุมกำกับดูแลและเฝ้าระวังตามปกติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบกำจัดเชื้อโรคในกระบวนการผลิตน้ำประปาต้องเพิ่มความเข้มงวดให้มากกว่าเดิม

กรมอนามัย จึงได้จัดทำคำแนะนำในการดูแลคุณภาพน้ำประปาเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้เป็นแนวทางในการควบคุมกำกับดูแลและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำประปาในช่วงระบาดโรคโควิด-19 คือ กรณีแหล่งน้ำดิบ ดูแลได้ตามปกติแต่ให้เพิ่มความเข้มงวดไม่ให้มีขยะ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งน้ำดิบ กรณีระบบผลิตน้ำประปา ควบคุมกระบวนการผลิตตามแนวทางปกติแต่ให้เพิ่มปริมาณความเข้มข้นของคลอรีนในกระบวนการฆ่าเชื้อโรคให้มีคลอรีนอิสระคงเหลือไม่ต่ำกว่า 1 มิลลิกรัมต่อลิตร ที่ต้นทางของน้ำประปา

ส่วนระบบการจ่ายน้ำ ดูแลระบบไม่ให้แตกรั่ว ให้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือในระบบจ่ายน้ำจนถึงบ้านผู้ใช้น้ำให้มีไม่ต่ำกว่า 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร เจ้าหน้าที่ดูแลกระบวนการผลิตน้ำประปาต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด อาคารสถานที่ผลิตน้ำประปาต้องดูแลรักษาความสะอาดตามมาตรการ 5 ส.

ทั้งนี้ ในการตรวจหาปริมาณคลอรีนอิสระในน้ำประปานั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้ชุดทดสอบปริมาณคลอรีนอิสระในน้ำ (อ31) ของกรมอนามัยดำเนินการได้ซึ่งใช้งานง่ายสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย