นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.บุษยา ตั้งภากรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ เขต 1 น.ส.ศรุตษา อัศวชัยโสภณ ทีมงาน นายสมชัย อัศวชัยโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต2 และนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต13 ร่วมแถลงข่าวเปิดเผยความผิดปกติในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562
โดย น.ส.บุษยา ระบุว่า ในเขต 1 จ.นครสวรรค์ ในวันเลือกตั้งได้ไปใช้สิทธิกับครอบครัวที่หน่วยเลือกตั้งที่ 8 โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง แต่ช่องลงชื่อของตนกลับมีคนมาลงชื่อแทน จึงรู้สึกว่าอาจมีความผิดปกติเรื่องจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตแต่กลับมีชื่อเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อีกทั้งการนับคะแนนใน 7 ตำบลนอกเขตเทศบาล ผลออกมาคือตนนำทั้งหมด แต่เมื่อนำมารวมกับเขตเทศบาลเพียงเขตเดียว ผู้สมัครที่มีคะแนนตามในลำดับที่ 3 กลับพลิกเอาชนะ ซึ่งคะแนนเพียงเขตเดียวไม่น่ากลับมาชนะได้ จึงอยากให้มีการนับคะแนนใหม่
ขณะที่ น.ส.ศรุตษา ระบุว่า เขตเลือกตั้งที่2 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีบุคคลภายนอกเข้าไปในคูหาเลือกตั้ง พร้อมกับคอยสังเกตผู้มาลงคะแนน และดูบัตรเลือกตั้งในลักษณะข่มขู่ บังคับให้เลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งเหตุในลักษณะเช่นนี้ เกิดขึ้นในหลายหน่วยเลือกตั้ง ทั้งนี้ มีหลักฐาน เป็นภาพถ่ายยืนยัน และมีบุคคลที่พร้อมเป็นพยาน เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ตามข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้น
ด้านนายตรีรัตน์ เรียกร้องให้ กกต. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังจากที่ได้ยื่นร้องเรียน ถึงความผิดปกติ ในเขตเลือกตั้งที่ 13 กรุงเทพมหานคร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สำหรับพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต.แล้ว 10 เรื่อง และผู้สมัครอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนเพิ่มเติม อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหาก กกต. ยังไม่ดำเนินการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง พรรคเพื่อไทย อาจใช้สิทธิทางกฎหมายเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีต่อ กกต. ต่อไป
ทั้งนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ผู้สมัครส.ส. จากพรรคเพื่อไทยยังไม่ถูกร้องเรียน หรือแจ้งความดำเนินคดี ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ขณะที่สำนักงาน กกต. เผยเอกสารข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า การดำเนินการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของ กกต. ทุกประการ กรณีดังกล่าวหากเป็นเรื่องจริงตามที่กล่าวอ้างถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ หากผู้แถลงข่าวมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องกับการกระทาความผิดดังกล่าวข้างต้น สามารถนำข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานมายื่นร้องเรียนต่อ กกต. ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัย
หากการสอบสวนและไต่สวนพบว่ามีผู้หนึ่งผู้ใดกระทำความผิดหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดตามที่ปรากฎข้อเท็จจริงในการแถลงข่าว กกต. จะดำเนินคดีกับผู้กระทาความผิดจนถึงที่สุดต่อไป