วันที่ 10 ม.ค. ที่อาคารรัฐสภา สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเปิดตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเป็นทางการเมื่อวาน (9 ม.ค.) โดยระบุว่า เป็นเรื่องดีแล้ว ประชาชนจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น เดินเข้าสู่ลู่ทางเดียวกัน
ส่วนพรรคเพื่อไทยมีจังหวะเวลาของเราเองในการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ เดิมทีตั้งใจว่าจะเปิดหลังยุบสภา แต่ได้มีการทบทวนว่าจากสถานการณ์แล้ว จะอาจจะต้องเปิดให้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้รีบร้อน และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้หรือเป็นคู่แข่งกับใคร คิดว่าสามารถเปิดตัวภายใน ก.พ. ได้
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการพิจารณากฎหมายนั้น เวลานี้มี พ.ร.บ.กัญชามากีดขวางการจราจรอยู่ ทำให้กฎหมายฉบับอื่นพลอยไม่ผ่านไปด้วย แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นไปตามข้อบังคับ เคยพยายามขอเจ้าของร่าง แต่ก็ไม่ยอม จึงต้องตามเลย ท้ายที่สุดไม่แน่ว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรอาจใช้อำนาจเปลี่ยนแปลงวาระก็ได้ หากมีกฎหมายอื่นที่จำเป็นเร่งด่วนจริงๆ ต้องยอมรับว่าหากปล่อย พ.ร.บ.กัญชา ให้พิจารณาไปแบบนี้ก็ไม่ได้ลงมติ
สำหรับการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น ทราบว่าประธานสภาฯ ได้พิจารณาบรรจุเป็นระเบียบวาระแล้ว ขั้นตอนที่เหลือคือนัดหมายให้วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านมาหารือวันเวลากัน ซึ่งวันนี้ยังไม่ได้นัด คาดว่าจะอยู่ภายในสัปดาห์นี้ หากฝ่ายรัฐบาลอยากให้เป็นต้นเดือน ก.พ. ฝ่ายค้านก็ไม่ขัดหากอยู่ในห้วงปลายเดือน ม.ค. หรือต้นเดือน ก.พ. แต่จะให้ความสำคัญกับจำนวนวันมากกว่า แต่อย่ายุบสภาหนีแล้วกัน
สุทิน ยังได้กล่าวถึงระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มองว่ามีปัญหาใหม่ เพราะช่วงนี้พรรคการเมืองเริ่มออกปราศรัยพบปะประชาชน ทุกครั้งที่ผ่านมาหน่วยงานราชการทุกหน่วยให้ความร่วมมือหมด
แต่ทุกวันนี้เริ่มมีหน่วยงานอ้างข้อจำกัด เป็นเหตุไม่ให้พรรคการเมืองเข้าไปใช้สถานที่พบประชาชน ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้ง รวมถึงวิถีประชาธิปไตย วิปฝ่ายค้านจึงควรเสนอแนะให้ความเห็นเรื่องนี้กันมาก เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติเช่นที่ผ่านมา
“วิธีคิดอย่างนี้ เราเชื่อว่าเกิดจากผู้นำประเทศ ที่กลัวเวที กลัวประชาชน กลัวการพูดคุย กลัวข่าวสารมาก จึงได้เกิดในยุคนี้ มักจะแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ว่าเปิดให้ทุกพรรคการเมืองด้วยความเป็นธรรม แต่ต้องมาพร้อมกัน ซึ่งเป็นการตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้ ความเป็นธรรมที่ว่านั้น ควรเป็นว่าใครประสงค์จะใช้สิทธิ ก็ให้สิทธิ ใครไม่ประสงค์ ก็ไม่ไปลิดรอนสิทธิของเขา”
สำหรับการเตรียมประกาศเขตเลือกตั้งใหม่นั้น เมื่อ กกต. ขยับเราก็สนองตอบ พร้อมจะหารือเพื่อให้ได้แนวทางที่ชัดเจน และเป็นห่วงเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง เพราะหากประเด็นนี้ไม่ประกาศออกมาชัดเจนหรือล่าช้าก็จะเดินหน้าเรื่องผู้สมัครฯ ไม่ได้ จึงอยากจะฝากถึง กกต. ว่าหากรีบได้ก็จะดีที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยเตรียมร้องต่อ กกต. เพื่อให้ยุบพรรคเพื่อไทย เนื่องจากผู้บริหารพรรคมีพฤติกรรม ให้สัมภาษณ์ลักษณะใส่ร้ายตัวผู้สมัครและพรรคภูมิใจไทยในเรื่องการย้ายพรรค และเป็นงูเห่านั้น สุทิน ระบุว่า ยังไม่ทราบมาก่อนว่าจะยื่นยุบ แต่ก่อนหน้านี้เคยมีผู้เสนอให้ฝ่ายค้านยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย แต่เราก็ไม่ทำ เพราะมองว่าวิธีนี้ไม่ถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตย การยุบพรรคควรมาจากเหตุที่ร้ายแรงจริงๆ เช่นเรื่องล้มล้างการปกครอง
“หากทุกพรรคยื่นยุบกัน มีหลายเหตุให้ทำได้ แต่ฝากทุกพรรคไปคิดว่า เราเองจะปิ้งปลาประชดแมว หรือฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายกันเองให้เข้าทางคู่ต่อสู้หรือเปล่า อันนี้ยังไม่ทราบนะว่าภูมิใจไทยเขาคิดอย่างไร” สุทิน กล่าว