ในงานเสวนาออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ "ไทย-จีน : แลกเปลี่ยนบทเรียนโควิด-19 และความร่วมมือพลิกฟื้นเศรษฐกิจ" ที่จัดโดยสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ชี้ว่าสถานะความเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกจะเปลี่ยนแปลงไป
นายสุชาติ สะท้อนภาพสองเศรษฐกิจมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐฯ และจีนว่า มาตรการหลายอย่างที่ออกมาจากฝั่งสหรัฐฯ อาทิการพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้มากจนเกินไปจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่บุคลิกของผู้นำอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยิ่งจะทำให้ความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ลดลงไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทรัมป์ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีต่ออีกหนึ่งสมัย
อดีต รมว.คลัง อธิบายว่าขณะที่สหรัฐฯ ดูจะอ่อนแอลง ฝั่งจีนจะแซงขึ้นมาเป็นผู้นำและมีความสำคัญต่อโลกแทน เพราะเมื่อมองการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จีดีพีของจีนยังคงอยู่ในแดนบวกที่ร้อยละ 1.2 ขณะที่สหรัฐฯ จะหดตัวติดลบราวร้อยละ 6 - 7.5 อีกทั้ง เมื่อนับขนาดเศรษฐกิจที่อ้างอิงจากภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ (purchasing power parity) จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้วตั้งแต่ปี 2558
ในประเด็นความต้องการขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกแทนสหรัฐฯ นั้น 'หยางหยาง' ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เสริมว่า 'สีจิ้นผิง' ประธานาธิบดีจีนมีความตั้งมั่นอย่างมากที่จะช่วยประชาคมโลกให้ผ่านวิกฤตและกลับมาพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ได้หลังโควิด-19 ผ่านพ้นไป ซึ่งล่าสุดในที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก (World Health Assembly: WHA) นายสีจิ้นผิงก็เพิ่งแถลงว่าประเทศจะวางเงินช่วยเหลืออีกกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 63,700 ล้านบาท โดยเฉพาะกับประเทศที่กำลังพัฒนา
ส่วนแผนการฟื้นฟูหลังจากนี้ จีนจะเน้นไปที่โครงการความหวังอย่าง 'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง' (One Belt One Road) ที่ 'หยางหยาง' เผยตัวเลขมูลค่าการค้าประจำไตรมาส 1/2563 ในประเทศระหว่างเส้นทางหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางทั้งสิ้นกว่า 2 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 8.98 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้เม็ดเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวสำหรับไตรมาสแรกของปีนี้ยังสูงถึง 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 134,000 ล้านบาท
'หยางหยาง' ย้ำอีกครั้งในช่วงท้ายว่า ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวมถึงประเทศไทยนั้นมีความสำคัญต่อโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเป็นอย่างมาก และรัฐบาลจีนก็เล็งเห็นถึงความสำคัญตรงนี้และพร้อมเข้ามาลงทุน อาทิ ผ่านการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง
นอกจากนี้ในฝั่งของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี นายลี่จิง รองผู้อำนวยการกรมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมลฑลกวางตุ้งชี้ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไทยนำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีความสัมพันธ์อันดีกับมลฑลกวางตุ้งมาตลอด และการช่วยเหลือผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศตอนนี้ ตนมองว่าจะเน้นไปที่การจัดกิจกรรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลักจากเงื่อนไขความยากลำบากในปัจจุบัน แต่ยืนยันว่าความร่วมมือและความสัมพันธ์จะยังมีอยู่ต่อไป
ขณะที่นายสุชาติ ปิดท้ายว่า ด้วยเนื่องจากวิกฤตสุขภาพครั้งนี้ไม่ได้สร้างผลกระทบแค่วงการสาธารณสุขประเทศ แต่ยังสร้างความเสียหายไปถึงฝั่งเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน รัฐบาลจึงต้องชั่งน้ำหนักในการบังคับใช้มาตรการต่างๆ อย่างถี่ถ้วน เพื่อทั้งต่อสู้กับโรคระบาดและรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจเอาไว้