ประกันตัว ‘โจชัว หว่อง’ หลังถูกจับข้อหาชุมนุมผิดกฎหมาย

โจชัว หว่อง ได้รับการประกันตัวหลังจากถูกจับกุมในข้อหาชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2562 และละเมิดกฎหมายห้ามสวมหน้ากากระหว่างการชุมนุม

โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกง และอดีตเลขาธิการพรรคเดโมซิสโต วัย 23 ปี ได้รับการประกันตัวแล้ว หลังจากถูกจับกุมระหว่างการไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจกลางเมื่อเวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (12.00 น.ตามเวลาประเทศไทย)

สำหรับการจับกุมที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2562 และเขายังได้รับการแจ้งว่าเขาละเมิดกฎหมายห้ามสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าระหว่างการชุมนุม

กฎหมายห้ามสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าระหว่างการชุมนุม เป็นกฎหมายตั้งแต่ยุคอาณานิคมที่ไม่ค่อยใช้ มานาน จนกระทั่งมีการชุมนุมต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้จีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อปี 2562

กฎหมายนี้ระบุว่า ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกนานถึง 1 ปีและปรับอีก 25,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 102,000 บาท) แต่ยกเว้นให้สามารถสวมหน้ากากในที่ชุมนุมได้เฉพาะคนที่มีอาชีพที่จะต้องสวมหน้ากาก คนที่ต้องสวมหน้ากากด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ หรือเหตุผลด้านศาสนา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ฮ่องกงเคยตัดสินไปแล้วว่ากฎหมายนี้มีบางส่วนที่ขัดกับกฎหมายพื้นฐาน ซึ่งเปรียบได้กับรัฐธรรมนูญของฮ่องกง

นอกจากนี้ พรรคสันนิบาตสังคมนิยมประชาธิปัตย์ยืนยันว่า กู๋ซีหยิ่ว นักเคลื่อนไหวและสมาชิกพรรคสันนิบาตสังคมนิยมประชาธิปัตย์ วัย 73 ปีก็ถูกจับกุม เนื่องจากต้องสงสัยว่าเข้าร่วมการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 5 ต.ค.เช่นกัน

อย่างไรก็ตามเมื่อเดือน ส.ค. 2563 แอกเนส เจา หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคเดโมซิสโตร่วมกับโจชัว หว่องถูกควบคุมตัวด้วยข้อหา "สมคบคิดกับต่างชาติ" ซึ่งหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง เธออาจถูกจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่นาธาน เหลา ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเดโมซิสโตอีกคนก็เดินทางไปกรุงลอนดอนของอังกฤษ ตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษยื่นข้อเสนอให้ชาวฮ่องกงขอสถานะผู้ลี้ภัยได้

เมื่อเดือนก.ค. ทั้งหว่อง, เจา และเหลาถูกตัดสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้ง หลังจากที่รัฐบาลฮ่องกงระบุว่า การเรียกร้องการปกครองตนเอง ร่วมมือรัฐบาลต่างชาติเข้าไปแทรกแซงกิจการภายใน หรือการ "แสดงออกถึงการคัดค้านหลักการ" เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ

ที่มา : Hong Kong Free Press, South China Morning Post, The Sydney Morning Herald

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: