นพ.ทวีวงษ์ จุลกมนตรี ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาเสนอแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน วุฒิสภา ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อดูแนวทางการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ซึ่ง จ.ขอนแก่นเป็น 1 ใน 10 จังหวัด นำร่องแก้ไขปัญหา ทั้งนี้พื้นที่ อ.น้ำพอง ได้นำเอาหลักการทำงานแบบบูรณาการ ทำให้แก้ไขปัญหาอุบัติเหตุได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเทคนิคการทำงาน 5 ช 5 ส ในการทำงานอุบัติเหตุ ประกอบด้วย

1.ชง เป็นการนำข้อมูลที่รวบรวมและจัดเตรียมเกี่ยวกับอุบัติเหตุและแผนงานเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการ ศปถ.อ.น้ำพอง

2.เชื่อม ตัวแทนคณะกรรมการ ศปถ.อ.น้ำพอง มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลน้ำพองเป็นผู้เชื่อมประสานงานกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เป็นการทำงานเชิงรุก

3.แชร์ การแสดงความคิดเห็น แบ่งปันข้อมูลข่าสารที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาแผนปฏิบัติการ โดยสร้างการรับรู้ของส่วนราชการ ภาคีเครือข่าย ประชาชน และกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

4.เชียร์ ส่งเสริมชื่นชมและให้การสนับสนุนผู้ปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความภาคภูมิใจและกำลังใจในการทำงานร่วมกันของทีมสหวิชาชีพ

5.ช้อน การสังเคราะห์ข้อมูลความรู้ที่ดำเนินงาน รวมทั้งใช้ภูมิปัญญาของชุมชน เช่น การใช้ผ้าสีแดงผูกต้นไม้เป็นสัญลักษณ์ การนำวัสดุเหลือใช้มาทำป้ายจราจร รวมถึงใช้งบประมาณที่เอื้อต่อการทำงานป้องกันอุบัติเหตุ

ส่วน 5 ส ประกอบด้วย

1.สารสนเทศ การเลือกใช้ข้อมูลข่าวสารให้เหมาะสมกับชาวบ้าน ต้องเป็นข้อมูลที่เข้าใจง่าย

2.สุดเสี่ยง คือการจัดลำดับพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงมากที่สุดในชุมชน โดยจัดการเป็นลำดับแรกๆ ก่อน

3.สหสาขาวิชาชีพ กระบวนการใช้ศักยภาพของทีมทำงาน ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อปท. เจ้าหน้าที่ ปภ. เจ้าหน้าที่ สธ. และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุทางถนน

4.สุดคุ้ม เลือกมาตรการดำเนินงานที่คุ้มค่า มีความเป็นไปได้ในระยะยาว โดยจัดลำดับจุดเสี่ยงเป็น 3 ระยะ คือ สูง ปานกลาง และยาว

5.ส่วนร่วม ออกแบบกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสให้แกนนำและคนในชุมชนได้มีส่วนร่วม เรื่องการวิเคราะห์จุดเสี่ยง การจัดทำแผนแม่บทชุมชน การจัดการแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงและการแก้ไขพฤติกรรมของคนในชุมชน

อย่างไรก็ตาม นพ.ทวีพงษ์ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่จุดเสี่ยง ใน ต.หนองกุง อ.น้ำพอง โดยเป็นพื้นที่ได้รับคัดเลือกให้ดำเนินการเป็นต้นแบบขับขี่ปลอดภัย เพราะก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเป็นผลมาจากโครงสร้างทางถนนมีจุดเสี่ยงถึง 3 จุด เมื่อเข้ากระบวนการทำงานแก้ไข แก้ไขจุดเสี่ยง สร้างการรับรู้แก่ชุมชน สามารถลดการเกิดอุบัติได้จริง โดยระหว่างปี 2561-2562 มีผู้เสียชีวิตรวม 17 ราย แต่หลังจากแก้ปัญหาแล้ว ในปี 2563 ยังไม่พบว่ามีอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต