นอกจากนี้ ฮาการีกล่าวว่ากองทัพอิสราเอลได้สังหารนักรบของฮามาสไปประมาณ 8,000 คนในฉนวนกาซาตอนเหนือ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวไม่สามารถได้รับการยืนยันจากแหล่งข้อมูลที่เป็นอิสระ ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบกอิสราเอลระบุว่า ในขณะนี้กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) กำลังมุ่งเน้นการทำปฏิบัติการ ไปที่การทำลายกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาตอนใต้และตอนกลาง
ปัจจุบันนี้ อิสราเอลได้สังหารประชาชนปาเลสไตน์ไปแล้วมากกว่า 22,000 คน นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-กาซาเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยตามการระบุของกระทรวงสาธารณสุขที่บริหารโดยกลุ่มฮามาส เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 ม.ค.) เผยว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 120 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ฉนวนกาซายังได้รับความเสียหายอย่างหนัก และประชากรส่วนใหญ่กว่า 2.3 ล้านคนต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่น
การรุกรานฉนวนกาซาของอิสราเอลเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่นักรบฮามาสเปิดฉากเข้าโจมตีพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไป 1,200 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเด็กและผู้หญิง นอกจากนี้ กลุ่มฮามาสยังได้จับตัวประกันอิสราเอลไปประมาณ 240 คน และยังเหลือตัวประกันอีกกว่า 120 คนที่ยังคงถูกจับตัวเอาไว้ ตามข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่จากข้อตกลงที่ผ่านมา
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล แถลงย้ำเมื่อวันเสาร์ว่า อิสราเอลจะยังคงเดินหน้าการรณรงค์ทางทหารในฉนวนกาซาต่อไป เพื่อ "กำจัดกลุ่มฮามาส ส่งตัวประกันของเราคืน และรับประกันว่าฉนวนกาซาจะไม่เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลอีกต่อไป" เนทันยาฮูยังกล่าวในแถลงการณ์อีกว่า “เราต้องวางประเด็นทุกอย่างเอาไว้ข้างทาง... จนกว่า (อิสราเอล) จะได้รับชัยชนะโดยสมบูรณ์”
ในขณะเดียวกัน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ยิงจรวดหลายสิบลูกใส่พื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ เพื่อเป็นการตอบโต้เบื้องต้นต่อการสังหาร ซาเลห์ อัล-อารูรี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาส ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ จากการโจมตีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำโดยอิสราเอล
คำแถลงของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ระบุว่า ทางกลุ่มได้ทำการโจมตีฐานควบคุมการจราจรทางอากาศในเมืองเมรอนด้วยจรวด 62 ลูก ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า พวกเขาสามารถระบุได้ว่ามีการยิงประมาณ 40 ครั้งจากเลบานอน และอิสราเอลได้ทำการตอบโต้การโจมตีแล้ว
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า เขาได้มุ่งเน้นไปที่การทำให้แน่ใจว่า ความขัดแย้งในฉนวนกาซาจะไม่แพร่กระจายออกไป และสหรัฐฯ จะป้องกัน “วงจรความรุนแรงที่ไม่มีที่สิ้นสุด”
ทั้งนี้ บลิงเคนได้เดินทางไปถึงจอร์แดนในวันอาทิตย์ (7 ม.ค.) เพื่อเข้าพบกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ในการเจรจาต่อประเด็นความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และจะมีกำหนดการเดินทางต่อไปยังกาตาร์
ที่มา: