ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย แสดงทัศนะผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ "สองมาตรฐาน" ดังเซ็งแซ่ในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค. 2563 เห็นข่าวศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำคุกอดีตนายกเทศมนตรีเมืองบางริ้น จ.ระนอง ข้อหานำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ส่วนตัว มีความผิด 3 กระทง ลงโทษกระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวม 9 ปี 12 เดือน หรือ 10 ปี
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับคดีอยู่บ้านหลวง ใช้น้ำ ใช้ไฟฟรี ไม่มีความผิดใด ๆ จะให้ชาวบ้านคิดอย่างไร นอกจากโพล่งออกมาดัง ๆ ว่า "สองมาตรฐาน"
ยิ่งคนพอรู้กฎหมายบ้าง ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ระเบียบของ ทบ.ไม่มีศักดิ์ทางกฎหมายเหนือกว่ารัฐธรรมนูญ
คำว่า "สองมาตรฐาน" จึงดังเซ็งแซ่ทั้งในประเทศและทั่วโลก
แม้นายกรัฐมนตรีจะอยู่ในตำแหน่งได้ต่อไปอย่างมั่นคง เพราะมีเสียงทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาค้ำยัน แต่ความเชื่อมั่นประเทศย่อยยับ ส่งผลซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจให้ย่ำแย่ ต่อเนื่อง และยาวนาน
ชวลิต ระบุว่า วันนี้วันที่ 10 ธ.ค. 2563 ตรงกับวันรัฐธรรมนูญ ที่เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง แม้ชื่อจะมีความหมายว่าเป็นกฎหมายสูงสุด แต่ถ้าผู้บังคับใช้กฎหมายนั้น ถูกกล่าวหาว่า "สองมาตรฐาน" คำว่าเป็นกฎหมายสูงสุด ก็ไร้ความหมาย ทั้งเป็นเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองไม่มีที่สิ้นสุด
มองทางออกรอบด้านแล้ว ต้องแก้ที่สาเหตุ หรือต้องแก้ที่ต้นตอของปัญหา คือ ตัวนายกรัฐมนตรี ที่วางกลไกกติกาและองคาพยพต่าง ๆ เพื่อการสืบทอดอำนาจ
เมื่อคำนึงถึงปัจจัยเวลาที่ท่านครองอำนาจ และสืบทอดอำนาจ ปีนี้เข้าปีที่ 7 นับเป็นเวลาที่สุกงอมยิ่ง
จึงถึงเวลาแล้ว ที่วลีคำว่า "ผมพอแล้ว" จะหลุดจากปากนายกรัฐมนตรี เพื่อดับไฟในนาคร
แม้จะยาก ที่ดอกพิกุลจะร่วงจากปาก โดยเฉพาะยามที่อยู่ในอำนาจที่มั่นคงดังกล่าว แต่เวลาที่ "ลงให้สวย" คือลงยามมีอำนาจ
"ลงให้สวย" ในสถานการณ์เช่นนี้ ดีกว่าที่พี่น้องประชาชนทั่วสารทิศจะลุกขึ้นมาขับไล่เรียกร้องความเป็นธรรมในบ้านเมือง โดยเฉพาะพี่น้องชาวนา ชาวไร่ ที่ถูกทอดทิ้งมาหลายฤดูกาลผลิต เขาหมดหวังกับนายกรัฐมนตรีคนนี้มานานแล้ว เฝ้ารอคอยว่า เมื่อไหร่ฟ้าจะสีทอง ผ่องอำไพ ขออย่าให้ถึงวันนั้นเลย โดยในวันนี้ควรเป็นวันที่ท่านจะพิจารณาตนเองว่า "ผมพอแล้ว"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :