ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าที่ศาลอาญา 'นรเศรษฐ์ นาหนองตูม' ทนายความ เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลออกคำสั่งให้นำตัว “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ, “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก จากเรือนจำพิเศษธนบุรี มาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ให้ตรงกับหมายขังระหว่างสอบสวนและระหว่างพิจารณาคดี เนื่องจากหมายขังจะต้องจัดการให้เป็นไปตามเขตของศาล อีกทั้งการนำตัวทั้งหมดไปขังในเรือนจำที่ห่างไกลนั้นกระทบกระเทือนต่อสิทธิในการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาและสิทธิอื่นๆ เนื่องจากทนายความและญาติเข้าเยี่ยมไม่สะดวก โดยหลังจากยื่นคำร้องไปแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำสั่งศาล
สำหรับคำร้องขอให้ออกคำสั่งนำตัวปิยรัฐ จงเทพ มาขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 ศาลมีคำสั่งอนุญาตฝากขัง ปิยรัฐ และมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยศาลอาญาได้ออกหมายขังระหว่างสอบสวนให้กับผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และกำหนดให้ขังปิยรัฐไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่ปรากฏว่าปิยรัฐกลับถูกบุคคลนำตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งถือว่าเป็นการคุมขังที่ขัดต่อหมายขังของศาลเองและขัดต่อกฎหมาย เพราะหมายขังจะต้องจัดการให้เป็นไปตามเขตของศาลซึ่งออกหมาย ตามมาตรา 89 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด การนำปิยรัฐไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งเป็นเรือนจำที่มีที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากศาลอาญาและเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ย่อมทำให้เกิดความเดือดร้อนเกินสมควรแก่ปิยรัฐเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ทนายความผู้ต้องหาไม่สามารถเดินทางไปปรึกษาหารือเกี่ยวกับคดีได้อย่างสะดวก เต็มที่ และเป็นธรรม กระทบกระเทือนต่อสิทธิในการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังกระทบต่อญาติของผู้ต้องหาในการเดินทางติดต่อขอเข้าเยี่ยมหรือสั่งซื้อสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่ผู้ต้องหาอีกด้วย
โดยการนำตัวปิยรัฐไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ย่อมก่อให้เกิดความไม่สะดวกในช่วงเวลาที่จะต้องเบิกตัวผู้ต้องหามาศาล เพราะที่ตั้งของเรือนจำมีความห่างไกล เดินทางยากลำบาก อาจจะก่อให้เกิดความล่าช้า ไม่สะดวก ในการเดินทางมาศาล ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือนต่อกระบวนพิจารณาคดีของศาล
ด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ทนายความจึงขอให้ศาลอาญาออกคำสั่งไปยังผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และหรือผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษธนบุรีให้ปฏิบัติตามหมายขังของศาลและกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยให้นำตัวปิยรัฐมาคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
สำหรับกรณีคำร้องของไผ่-จตุภัทร์และไมค์-ภาณุพงศ์ คดีนี้ศาลได้ออกหมายขังระหว่างพิจารณาคดีของทั้งสองให้กับผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดให้ขังทั้งสองไว้ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่ปรากฏว่าทั้งสองกลับถูกบุคคลนำตัวไปคุมขังไว้ที่ เรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งถือว่าเป็นการคุมขังที่ขัดต่อหมายขังของศาลและขัดต่อกฎหมาย เพราะหมายขังจะต้องจัดการให้เป็นไปตามนั้นในเขตของศาลซึ่งออกหมาย ตามมาตรา 89 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ไม่ว่าการจะเป็นประการใดก็แล้วแต่ การนำตัวทั้งสองไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งเป็นเรือนจำที่มีที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากศาลอาญาและเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และขังแยกกันกับจำเลยในคดีเดียวกันของศาลนี้ ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกัน ย่อมทำให้เกิดความเดือดร้อนเกินสมควรแก่จำเลยเป็นอย่างยิ่ง
ทำให้ทนายความซึ่งเป็นทีมเดียวกันไม่สามารถปรึกษาหารือคดีกับจำเลยทั้งหมดร่วมกันได้อย่างสะดวก เต็มที่ และเป็นธรรม กระทบกระเทือนต่อสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลยในคดีนี้เป็นอย่างยิ่ง และยังกระทบต่อญาติของจำเลยในการเดินทางติดต่อขอเข้าเยี่ยมหรือสั่งซื้อสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่จำเลย
อีกทั้งการนำตัวจตุภัทร์และภาณุพงศ์ไว้ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ย่อมก่อให้เกิดความไม่สะดวกในช่วงเวลาที่จะต้องเบิกตัวจำเลยมาศาล เพราะที่ตั้งของเรือนจำมีความห่างไกล เดินทางยากลำบาก อาจจะก่อให้เกิดความล่าช้า ไม่สะดวก ในการเดินทางมาศาล ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือนต่อกระบวนพิจารณาคดีของศาล
ด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ทนายความจึงขอศาลอาญาได้ออกคำสั่งไปยังผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และหรือผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษธนบุรี ให้ปฏิบัติตามหมายขังของศาลและกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยให้นำตัวทั้งสองมาคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
อ่านเพิ่มเติม