บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลและเฟซบุ๊กประกาศแผนเปิดออฟฟิศขึ้นใหม่อีกครั้ง และจะยืดหยุ่นให้พนักงานสามารถเลือกที่จะทำงานที่บ้านต่อไปได้จนถึงสิ้นปี 2563 

แม้กูเกิลจะเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะใช้นโยบายให้พนักงานทำงานจากบ้านได้จนถึงวันที่ 1 มิ.ย. นี้ แต่ล่าสุด ซุนดา พิชัย ซีอีโอของกูเกิลกล่าวว่า พนักงานที่จำเป็นต้องกลับไปทำงานที่ออฟฟิศจะสามารถไปทำงานได้ตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นไป โดยจะมีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น แต่พนักงานส่วนใหญ่ที่สามารถทำงานจากบ้านได้ก็สามารถทำงานจากบ้านต่อไปได้จนถึงสิ้นปีนี้

ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กก็เพิ่งประกาศว่า จะเปิดออฟฟิศในวันที่ 6 ก.ค.นี้ หลังจากที่สหรัฐฯ เริ่มคลายมาตรการปิดเมืองเพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่คนที่สามารถทำงานจากทางไกลสามารถเลือกทำงานอยู่บ้านได้จนถึงสิ้นปี 2563 เนื่องจากโรคระบาดยังไม่จบสิ้น พนักงานและครอบครัวควรมีทางเลือกในการตัดสินใจว่าจะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศหรือไม่ แต่โฆษกเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ขณะนี้ เฟซบุ๊กกำลังพิจารณาว่าพนักงานคนไหนบ้างที่จำเป็นต้องขอให้เข้าไปทำงานที่ออฟฟิศ 

เฟซบุ๊กเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีแรกๆ ที่ขอให้พนักงานเริ่มทำงานจากบ้าน เมื่อมีวิกฤตไวรัสโคโรนาระบาด โดยเฟซบุ๊กให้เงินโบนัสกับพนักงานจำนวน 1,000 ดอลลาร์ (32,000 บาท) สำหรับการทำงานจากบ้านและเป็นค่าเลี้ยงดูเด็ก

ด้านบริษัทแอมะซอนระบุว่า จะให้พนักงานที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลือกได้ว่าจะทำงานที่บ้านไปจนถึงวันที่ 2 ต.ค.เป็นอย่างต่ำ และจะมีการประเมินสถานการณ์และอัปเดตนโยบายการทำงานให้พนักงานต่อไป แต่หากพนักงานต้องการไปทำงานที่ออฟฟิศมากกว่าก็ให้คุยกับผู้จัดการ เพื่อให้ผู้จัดการปรับแผนการทำงานให้เหมาะสมกับความต้องการของทีม โดยจะต้องระมัดระวังและเป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลในแต่ละประเทศที่พนักงานทำงานอยู่

แอมะซอนเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่พนักงานทำงานจากบ้านตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. ที่เกิดโรคระบาด ทำให้ร้านอาหาร ร้านค้า และผู้ให้บริการใกล้กับออฟฟิศแอมะซอนในซีแอตเทิลเดือดร้อนอย่างมาก ดังนั้น แอมะซอนได้ให้เงินช่วยเหลือธุรกิจรอบๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการที่พนักงานแอมะซอนทำงานจากบ้านจำนวน 10 ล้านดอลลาร์ (ราว 320 ล้านบาท)

เทรนด์การทำงานจากบ้านอาจเหมาะกับบางบริษัท ในช่วงที่มีการออกแบบพื้นที่ในออฟฟิศใหม่ให้ตรงตามแนวทางการเว้นระยะทางสังคม เนื่องจากพนักงานบางคนยังไม่ค่อยมั่นใจที่จะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก

ที่มา : BBC, Business Insider, Geekwire