ไม่พบผลการค้นหา
รองโฆษกรัฐบาล ย้ำเกณฑ์ใหม่มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา ความครอบคลุมสถานศึกษามากขึ้น หักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า แต่ต้องบริจาคผ่านระบบ e-Donation ของสรรพกรเท่านั้น

27 ส.ค. 2566 ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษาฉบับใหม่ได้มีผลบังคับแล้ว เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 768) พ.ศ. 2566 ซึ่งได้มีการปรับปรุงเกณฑ์การบริจาคให้เกิดความครอบคลุม และลดความเหลื่อมล้ำในการได้รับบริจาคของสถานศึกษาแต่ละประเภท

ทั้งนี้ ตามมาตรการภาษีดังกล่าว กำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงิน, บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สิน ให้แก่สถานศึกษา 5 ประเภท ได้แก่

1) สถานศึกษาของรัฐ

2) โรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบ

3) สถาบันอุดมศึกษาเอกชน

4) สถานศึกษาที่ตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญา หรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT)

5) สถาบันอุดมศึกษา ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษาโดยสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศอนุมัติ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีฯ ได้แก่ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL) และมหาวิทยาลัยอมตะ

"มาตรการภาษีฯ ฉบับใหม่ปรับปรุงจากเกณฑ์เดิม เพิ่มสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษาโดยสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศอนุมัติ โดยความเห็นชอบของ ครม. ให้เป็นสถานศึกษาที่ได้รับบริจาค ที่ผู้บริจาคจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย ทำให้เกิดความครอบคลุม สถานศึกษาได้รับการสนับสนุน เกิดการพัฒนาเทคโนยี นวัตกรรมตามมา และช่วยลดภาระด้านงบประมาณภาครัฐได้อีกทางหนึ่งด้วย"

ทั้งนี้ ตามมาตรการภาษีนี้ยังได้กำหนดว่า การบริจาคสนับสนุนการศึกษาที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะต้องเป็นการบริจาคผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรเท่านั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้สถานศึกษาทุกแห่งใช้ระบบ e-Donation และเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาค โดยมาตรการภาษีนี้จะมีผลสำหรับการบริจาคที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 2565 - 31 ธ.ค. 2567

# สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ

  • กรณีบุคคลธรรมดาสามารถนำเงินมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่จะไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนอื่นๆ
  • กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำเงินหรือทรัพย์สินมาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาคแต่จะไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา