วิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 4 ของการคุมเข้มในวันสงกรานต์ (13 เม.ย. 2564) ซึ่งศาลปิดทำการหลายพื้นที่ ทำให้สถิติคดีเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ เพียง 160 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถในขณะเมาสุรา 159 คดี คิดเป็น 99.38% คดีขับเสพ 1 คดี คิดเป็น 0.62%
ในส่วนของการติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไล EM กับผู้กระทำผิดเมาแล้วขับไม่มีเพิ่มเติม ยังคงตัวเลขสะสม 4 วันอยู่ที่ 8 ราย โดยมีเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัย ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. – 04.00 น. เป็นระยะเวลา 15 วัน
ทั้งนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศเฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring Control Center - EMCC) พร้อมประสานเครือข่ายภาคประชาชน อาสาสมัครคุมประพฤติ เตรียมพร้อมลงพื้นที่หากมีการผิดเงื่อนไขคุมความประพฤติ
สำหรับยอดสะสมสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติในช่วง 4 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด (10-13 เม.ย.2564) มีจำนวนทั้งสิ้น 2,095 คดี จำแนกเป็น
จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1 ยังคงเป็นจังหวัดสมุทรปราการ 154 คดี อันดับสอง จังหวัดบุรีรัมย์ 144 คดี และ อันดับสาม จังหวัดชัยภูมิ 140 คดี
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวต่อว่า สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ ลงพื้นที่ช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ ด่านชุมชน ด่านตรวจค้น และจุดบริการประชาชนบนถนนสายรอง จำนวน 82 จุด มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 442 คน ร่วมกันแจกน้ำดื่ม ทำความสะอาด ตรวจวัดอุณหภูมิ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ใช้รถ ใช้ถนนอย่างปลอดภัย นอกจากนี้สำนักงานคุมประพฤติได้จัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสำนักงานคุมประพฤติช่วงวันหยุดยาว เพื่อให้คำแนะนำด้านกฎหมาย บริการและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว