ไม่พบผลการค้นหา
โควิดทุบธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบรนด์ 'Blue Bear' ฉุดยอดสั่งตัดยูนิฟอร์มลดฮวบ 60% บริษัทปรับตัวใช้นวัตกรรมผ้าผลิตหน้ากาก-แจ็กเก็ตป้องกันไวรัส พร้อมยับยั้งแบคทีเรีย ตั้งเป้าปิดบัญชีสิ้นปีกวาดยอดขาย 1 แสนชิ้น

ยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท พาลาดิน เวิร์คแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชุดยูนิฟอร์มพร้อมใช้งาน (Ready to wear) ภายใต้แบรนด์ 'Blue Bear' เปิดเผยว่า บริษัทได้ผลิตหน้ากากผ้าและเสื้อแจ็คเก็ตแบรนด์ Blue Bear ที่มีคุณสมบัติสามารถลดเชื้อไวรัสบนพื้นผิวผ้าได้มากถึง 99% ภายในเวลา 2 ชั่วโมง จึงไม่เกิดการสะสมของเชื้อไวรัสและแบคทีเรียบนผ้าเป็นเวลานานข้ามวันเหมือนหน้ากากผ้าทั่วไป ช่วยเพิ่มการปกป้องได้มากขึ้น ทั้งยังสามารถนำไปซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยคุณสมบัติคงอยู่ ไม่อันตรายต่อผู้สวมใส่และสิ่งแวดล้อม

เนื่องจากหน้ากากผ้ารุ่นนี้ มีผ้าชั้นนอกใช้สารไทเทเนียมไดออกไซด์และซิลเวอร์คลอไรด์ เพื่อเป็นตัวสร้างคุณสมบัติในการลดไวรัสได้ 99% ในเวลา 2 ชั่วโมง ส่วนผ้าชั้นในได้นำซิงค์ออกไซด์มาหลอมละลายที่อุณหภูมิสูงกว่า 300 องศาเซลเซียส ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับหรือกลิ่นเหม็นรบกวน ทำให้ผู้สวมใส่หน้ากากสามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวันหมดกังวลเรื่องของกลิ่น

ยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ หน้ากากผ้า Blue Bear
  • ยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ ซีอีโอ บริษัท พาลาดิน เวิร์คแวร์ จำกัด

ทั้งนี้ หน้ากากผ้ารุ่นเซฟการ์ด ออกแบบมา 2 รูปทรง ทั้งทรงแบบสามมิติ หรือสไตล์เกาหลี (Korean Style) มีลวดปรับจมูกเฉพาะขนาดของผู้ใหญ่ และทรงสองมิติ หรือสไตล์ยุโรป (European Style) คล้ายกับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่สวมใส่ง่าย มี 3 ขนาด ผู้ใหญ่ เด็กเล็กและเด็กโต ซึ่งช่วยให้เด็กเล็กสามารถสวมใส่ได้เอง และหน้ากากทุกชิ้นจะมาพร้อมกับซิลิโคนปรับสายคล้องหู 

ส่วนเสื้อแจ็กเก็ตแอนตี้ไวรัส เป็นเสื้อสวมทับลำลองแขนยาวและมีฮูดในตัว มีทั้งหมด 3 สี คือ ดำ, เทา, โอลด์โรส, และมี 4 ขนาดให้เลือก สำหรับใส่เพื่อเดินทาง หรือผู้ที่ต้องการการป้องกันการติดเชื้อทั้งไวรัสและแบคทีเรีย และสามารถซักและใช้ซ้ำได้

นอกจากนี้ ทั้งหน้ากากผ้าและเสื้อแจ็กเก็ตชุดนี้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานรับรองจากห้องปฏิบัติการทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการทดสอบจาก ‘BOKEN’ ห้องปฏิบัติการจากญี่ปุ่น ซึ่งตรวจสอบรับรองการลดไวรัสได้ 99% ในเวลา 2 ชั่วโมง และผ่านการตรวจสอบจาก บริษัท SGS (ประเทศไทย) จำกัด ห้องปฏิบัติการของไทย ในเรื่องลดการเติบโตของแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) และโมแรกเซลลา ออสโลเอนซิส (Moraxella osloensis) ที่อยู่ในน้ำลาย ว่ามีอัตราเจริญเติบโตลดลง แม้ว่าจะผ่านการทดสอบด้วยการซักถึง 30 ครั้ง ก็พบว่าการใช้งานยังอยู่ระดับเกณฑ์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าหน้ากากผ้าทั่วไป

ยุทธนา ยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนแล้วยังส่งผลกระทบต่อเนื่องในหลายภาคธุรกิจ โดยในส่วนของบริษัทฯ ก็เช่นกัน ซึ่งเห็นได้จากปริมาณการสั่งซื้อชุดยูนิฟอร์มซึ่งเป็นสินค้าหลักในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 มีปริมาณลดลง 50-60% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 30-40 ล้านบาท 

ดังนั้น บริษัทจึงปรับตัวโดยการนำนวัตกรรมของผ้าที่ได้มาตรฐานมาผลิตเป็นหน้ากากผ้ารวมถึงเสื้อแจ็กเก็ตช่วยป้องกันและลดการสะสมของเชื้อไวรัส ซึ่งนับเป็นสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์กระแสความต้องการในช่วงวิกฤต บรรเทาผลกระทบและยังสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้เกิดขึ้น  

"บริษัทได้พยายามปรับโมเดลธุรกิจ พัฒนาแบรนด์ Blue Bear ให้เป็นรู้จักทั้งในและต่างประเทศ หลุดพ้นจากการเป็นผู้รับจ้างผลิต หรือ OEM โดยมีการพัฒนาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในอนาคตจะนำนวัตกรรมผ้านี้ ไปพัฒนาเป็นสินค้าอื่นๆ ต่อไป เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้หลากหลายกิจกรรมมากขึ้น นอกจากนี้ เรากำลังพัฒนานวัตกรรมหน้ากากชนิดใหม่ที่มีส่วนผสมของสารคอปเปอร์ออกไซด์แบบกันน้ำและลดเชื้อไวรัสใน 2 ชั่วโมง คาดว่าใช้เวลา 2-3 เดือนจะเริ่มวางตลาดได้" ยุทธนา กล่าว

ทั้งนี้ Blue Bear ได้เปิดให้ลูกค้าสั่งจอง (Pre-Order) หน้ากากและแจ็กเกตป้องกันไวรัสและแบคทีเรียตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ออฟฟิเชียล และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.2563 โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถจำหน่ายได้ประมาณ 1 แสนชิ้น