พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ รอง ผบช.น. และ โฆษก บช.น. ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีจับกุม ปิยรัฐ จงเทพ หรือ 'โตโต้' หัวหน้าการ์ด Wevo โตโต้ ที่ห้างรัชโยธินและมีการร้องว่ามีของกลางหายไปบางส่วน
พล.ต.ต.ปิยะ ระบุว่า ข้าวของส่วนตัวของโตโต้ที่ซ่อนไว้ใต้เบาะรถยนต์ตำรวจได้เจอแล้วและเก็บไว้เป็นของกลางในคดีอาญา และเชื่อว่าข้าวของของผู้ต้องหาน่าจะครบถ้วน แต่หากมีข้าวของผู้ต้องหาสูญหาย ถ้าพิสูจน์ทราบว่ามาจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ก็จะต้องสืบสวน แต่หากพบว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุชิงไปก็จะต้องรับผิดชอบด้วย แต่ในส่วนทรัพย์สินเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หายไป ที่สำคัญมีทั้ง โทรศัพท์มือถือและพระเครื่องเลี่ยมทอง ที่ผู้กลุ่มผู้ก่อเหตุชิงไปยังไม่ได้คืน และหลังจากนี้จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
สำหรับการควบคุมตัว 'โตโต้ และพวก' พล.ต.ต.ปิยะ ยืนยันว่า ตำรวจเข้าจับกุมเพราะพบว่ากลุ่ม Wevo เตรียมการก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง จากการสืบสวนพบการกระทำผิด และเป็นการจับกุมระหว่างทำความผิดซึ่งหน้า จึงไม่จำเป็นต้องใช้หมายจับ โดยแบ่งการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องเป็น 6 กลุ่ม โดย 'โตโต้' กับพวกรวม 18 คน อยู่ในกลุ่มแรก มี 4 ข้อหาหนัก ทั้งฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ , ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 และ 210 ฐานเป็นอั้งยี่-ซ่องโจร
กลุ่มที่ 2 คือผู้ต้องหาที่ได้หลบหนีระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าพนักงาน ซึ่งจะโดนข้อหาหนักแบบกลุ่มแรกแต่จะมีข้อหาหลบหนีการควบคุมของเจ้าพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นคดีอาญาเพิ่มด้วย
ในส่วนนี้ ผู้ที่มามอบตัวกับตำรวจและได้ปล่อยตัวไปแล้วนั้น จากนี้จะต้องตรวจสอบว่า มีใครที่เคยหลบหนีการคุมตัวหรือไม่ เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมด้วย ส่วนผู้ที่ยังไม่มามอบตัวก็จะออกหมายเรียกต่อไป
กลุ่มที่ 3 คือที่ปรากฏภาพและคลิปต่างๆ ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุมหรือกลุ่มการ์ด ทุบทำลายรถยนต์ทางราชการ ,ร่วมกันชิงตัวผู้ต้องหา, ทำร้ายเจ้าพนักงาน และชิงของกลาง ก็จะดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวกับการช่วยผู้ต้องหาหลบหนี,ขัดขวางเจ้าพนักงาน,ทําลายทรัพย์สินราชการและทำให้เสียทรัพย์
กลุ่มที่ 4 คือกลุ่มผู้ต้องหาที่ทำลายแนวรั้วของทางราชการของศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในกรณีม็อบ 6 มีนา มีการเผาสิ่งของต่างๆซึ่งกระทบกับพระบรมฉายาลักษณ์ด้วย ก็จะแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้องรวมถึงบุกรุกสถานที่ราชการ
นอกจากนี้ยังจะดูด้วยว่าเข้าข่ายความผิดอาญาตามมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายก็จะดำเนินคดีตามข้อหา 112 ด้วย
กลุ่มที่ 5 คือผู้ชักชวนหรือจัดชุมนุมรวมทั้งผู้สนับสนุนและเข้าร่วมชุมนุม ซึ่งจะมีความผิดตาม พ. ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค พร้อมกันนี้ฝากเตือนประชาชนด้วยว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีกฎหมายห้ามชุมนุมทางการเมือง
กลุ่มที่ 6 คือผู้ก่อเหตุ ระหว่างที่ตำรวจตระเวนชายแดนกำลังจะเดินทางกลับ มีการใช้ลูกเหล็กและหนังสติ๊กรวมทั้งอาวุธปืน ยิงใส่รถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีรถยนต์ราชการเสียหาย 1 คัน รถ 6 ล้อ 2 คันรถบัสอีก 3 คันและจากการตรวจพิสูจน์เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยืนยันว่ารอยที่ถูกยิงมาจากกระสุนปืน ดังนั้นนอกจากจะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องตามฐานความผิดข้างต้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่าเข้าข่ายพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยหรือไม่
สำหรับการรักษาความสงบเรียบร้อยและมือการชุมนุมที่จะมีขึ้นหลังจากนี้พลตำรวจตรีปิยะยืนยันว่า ได้วางกำลังรวมถึงชุดควบคุมฝูงชนตามจุดสำคัญต่างๆไว้อย่างเพียงพอแล้ว ทั้งที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ, เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯและเรือนจำธนบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :