ธนกร วังบุญคงชนะ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความระบุว่า การจับกุมนักศึกษาไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา การแสดงออกไม่ใช่อาชญากรรม ร่วมกันปกป้องพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ว่า เท่าที่ตนติดตามข่าวนั้น ยังไม่มีการจับกุมใคร ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของนักศึกษาที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 3 ข้อเรียกร้องนั้นพอเข้าใจได้ แต่ตนรับไม่ได้กับแกนนำบางคนที่ออกมาจาบจ้วงสถาบันอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ และมีประชาชนบางส่วนไปแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ดังนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หากไม่ดำเนินการก็จะต้องเจอข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากจะให้ใช้หลักรัฐศาสตร์ในการแก้ไขปัญหากับพลังนักศึกษาที่บริสุทธิ์ แต่อยากให้ใช้หลักนิติศาสตร์อย่างเคร่งครัดกับแกนนำที่จาบจ้วงสถาบัน เพราะไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะแตกแยก คนไทยคงไม่ยอมให้ใครมาทำลายสถาบันที่เรารักและศรัทธา ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ใช่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยแล้วทำผิดกฎหมายได้
ธนกร กล่าวอีกว่า ประชาชนทั่วประเทศทราบอยู่เต็มอกว่า พรรคการเมืองไหน หรือกลุ่มการเมืองไหนอยู่เบื้องหลัง ทฤษฏีเดินสองขาถูกใช้มานานแล้ว อยากให้น้องๆ นักศึกษาตั้งสติแล้วพูดคุยกับผู้ปกครองก่อนว่า สิ่งที่ควรกระทำต่อประเทศนี้มีอะไรบ้าง วันนี้ไม่มีใครคุกคามนักศึกษา ไม่มีใครไปห้ามการชุมนุม รัฐธรรมนูญก็กำลังจะแก้กันอยู่ ทุกอย่างสามารถหาทางออกร่วมกันได้ แต่หากไปแตะต้องสถาบันเมื่อไหร่ คนไทยทั่วประเทศคงไม่ยอม ความชอบธรรมในการชุมนุมก็จะไม่มี แล้วประเทศจะเดินไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง ทั้งนี้ ตนขอถามธนาธรว่า "บ้านเมืองยังเสียหายไม่พออีกหรือ ประชาชนเดือดร้อนจากโควิด-19 ทำไมไม่ช่วยกัน"
ส่วนกรณีที่กลุ่มแคร์ออกแถลงการณ์หนุนม็อบนักศึกษาแสดงออก และมองว่ายังอยู่ในขอบเขตของกฎหมายนั้น ตนรู้สึกผิดหวังมาก เพราะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง น่าจะมีแนวคิดใหม่ๆ สำหรับการพัฒนาประเทศมากกว่าการโหนกระแสม็อบ การที่แกนนำออกมาปราศรัยจาบจ้วงละเมิดสถาบันแล้วยังมองว่าอยู่ในขอบเขตของกฎหมายนั้น แสดงว่าไม่แคร์ความรู้สึกคนไทยเลย จึงไม่น่าจะเรียกตัวเองว่ากลุ่มแคร์