วันที่ 18 ธ.ค. 2564 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ พรรคประชาธิปัตย์ประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2564 โดยมี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชวน หลีกภัย อภิสิทธ์ เวชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคและอดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และ สมาชิกพรรคเข้าพรรคประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีวาระการประชุม เพื่อรับรองรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2563 ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 19 ก.ค. พ.ศ. 2563 การดำเนินการตามพรป.พรรคการเมือง มาตรา 43 และ มาตรา 61 รายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปีที่ผ่านมา รับรองงบการเงิน ประจำปี 2563 พิจารณาแผนยุทธศาสตร์ของพรรค แผนหรือโครงการที่จะดำเนินการกิจกรรมสำหรับปีต่อไปโดยเฉพาะการหารายได้ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในทางการเมืองและการพัฒนาบุคลากรทางการเมือง
และวาระสำคัญคือ การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่างลง แทน นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และ อันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี รองเลขาธิการพรรค ที่ได้ลาออก ซึ่งมีผู้ท้าชิงคือ ชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย และเดชอิศม์ ขาวทอง หรือนายกฯชาย ส.ส.สงขลา สมัยแรก
'จุรินทร์' ลั่นเลือดไหลออก มีเลือดใหม่-เลือดเก่าไหลเข้า
จุรินทร์ กล่าวกับสมาชิกในที่ประชุมว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เปรียบเหมือนเครื่องบิน แม้จะตกหลุมอากาศบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้ อาจมีเลือดไหลออก แต่ก็มีเลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ ถือว่าเป็นพรรคการเมืองของทุกรุ่น และต้องยอมรับว่า หลังการเลือกตั้งปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นพรรคขนาดกลาง มีเพียง 52 ที่นั่ง การตัดสินใจ จึงแบ่งเป็น 2 ทาง คือเป็นฝ่ายค้านและร่วมรัฐบาล แต่สุดท้ายพรรคก็ตัดสินใจ เข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ด้วยการลงมติ ภายใต้เงื่อนไขในการเลือกกระทรวงหลัก ก็คือ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ได้มาโดยการเจราจา ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญ คือการทำงานเพื่อประชาชน ภายใต้วิสัยทัศน์ เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ผู้ด้อยโอกาสต้องได้รับการดูแล จึงทำให้สามารถมีโอกาสดูแลประชาชนทั่วประเทศในหลากหลายอาชีพ ไม่ต่ำว่า 50 ล้านคน รวมถึงเงื่อนไขนโยบายที่รัฐบาลต้องนำประกันรายได้เข้าไปเป็นนโยบายของรัฐบาล และการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงการยืดหลักซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งนายจุรินทร์ ประกาศยืนยันว่า สามารถทำได้ครบแล้ว
ย้ำแก้กฎหมายทบทวนลดโทษคดีทุจริต
ขณะเดียวกัน ยังกล่าวถึงข่าวสะเทือนใจ การลดโทษให้กับนักโทษในคดีทุจริตจำนำข้าว เหลือเพียงไม่ถึง 10 ปี ได้สร้างกระแสไม่ยอมรับในสังคม ที่การลดโทษเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ที่มีอธิบดีติดสินใจเพียงคนเดียว และในกฏหมายกรมราชทัณฑ์ก็มีช่องโหว่ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงขอเสนอแก้ไข กฏหมายฉบับนี้ เพื่อให้การลดโทษในคดีทุจริต เป็นอำนาจของศาล ไม่ใช่อำนาจของกรมราชฑัณฑ์เพียงอย่างเดียว ถือเป็นการตอกย้ำอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยืดความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้ จากการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์อย่างหนักภายใต้สโลแกน ทำได้ไว ทำได้จริง เชื่อมั่นว่าประชาชนมองเห็นและให้การต้อนรับมาขึ้น โดยเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มาถูกทางแล้ว
ชี้ ปชป.เป็นพรรคประชาธิปไตยที่กินได้
จุรินทร์ ยังยืนยัน ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่เพียวๆ เศรษฐกิจปากท้อง ต้องเดินไปด้วยกัน และขอฝากให้พวกเราช่วยกันทุกเท รณรงค์เลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา และชุมพร รวมถึงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยให้ระดม สมพะกำลังทั้งหมด และที่สำคัญขอให้พวกเรามีความสามัคคีช่วยกันทำงานเพื่อพรรค ยืนยัน คนที่ทำงานทุ่มเท และเสียสละเพื่อพรรค
จุรินทร์ ระบุว่า ตนพร้อมให้โอากาสทุกคน โดยไม่ลังเล เพราะเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไปข้างหน้า และจะทำให้ได้รับชัยชนะ แม้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคใหญ่ที่สุด แต่เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในพรรค ที่ประชาชนตั้งความหวังไว้มากที่สุด เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของประชาชน ต้องไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง พร้อมย้ำภารกิจ 2 ปีเศษที่ผ่านมาต้องพิสูจน์ว่าอะไรที่พรรคพูดกับประชาชน เราทำได้และขึ้นปีที่ 3 เราต้องเดินหน้าต่อไป ทำได้ไว ทำได้จริง และจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
จุรินทร์ ยังขอบคุณสมาชิกพรรค ขอบคุณกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และ อภิสิทธิ์ ที่จะร่วมมือกับพรรคในการรณรงค์หาเสียงผู้ว่าฯ กทม.
'เดชอิศม์' นั่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้คนใหม่ - 'ชัยชนะ'รองเลขาธิการพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค แทนตำแหน่งที่ว่างลง ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ โดยเป็นการแข่งขัน ระหว่าง ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ซึ่งผลการเลือกรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ โดย เดชอิศม์ ได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ด้วยคะแนน ร้อยละ 58 ขณะที่ ชินวรณ์ ได้คะแนนร้อยละ 39 ขณะที่ตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค ผู้ที่ได้รับเลือกคือ ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช โดยไม่มีผู้อื่นลงแข่งขัน
'ชินวรณ์' ยินดีทีมเลือดใหม่ชนะโหวตคุมพื้นที่ภาคใต้
จากนั้น ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังไม่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ ในการดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ว่า ขอแสดงความยินดีกับทั้งสองคนคือ เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ที่ได้รับเลือกให้เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และ ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่ได้รับเลือกให้เป็นรองเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นการต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตยภายในพรรค เคยมั่นใจว่าทั้งสองคนจะนำพรรคไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายใต้แนวคิดที่ แสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งต้องสนับสนุน เพื่อให้พรรคเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ตนเองก็ยังจะรักษาแนวความคิดต่อไป โดยเฉพาะแนวทางที่ต้องทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองของประชาชนซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนที่ว่ารู้สึกเสียใจทีาไม่ได้รับเลือกหรือไม่นั้น โดยส่วนตัวก็มีภารกิจอื่นที่ต้องทำเต็มเวลาอยู่แล้วโดยเฉพาะการเป็นรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล จึงขอให้ผู้ที่ได้รับตำแหน่งดำเนินแนวทางโดยคิดถึง ประโยชน์ภายในพรรค ทั้งนี้ ตัวเองมีสปิริตการต่อสู้ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยทั้งภายในพรรคและนอกพรรคมาโดยตลอด ซึ่งประชาธิปไตยไม่มีทางลัด ซึ่งหากพรรคจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก็พร้อมสนับสนุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง