เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่รัฐสภา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงหลังถูกอภิปรายกล่าวหาว่า ประเทศไทยมีค่าแก๊สแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากรัฐบาลผลักภาระให้ประชาชน และทำให้บริษัทประกอบการได้รับผลกำไร
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปี 2557 มีการบิดเบือนราคาตลาดโดยคงที่ไว้ที่ 333 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ตัน จึงเกิดการใช้แก๊สผิดประเภท นำแก๊สหุงต้มไปใช้ในภาคการขนส่ง ทำให้ต้องนำเข้าแก๊ส เพราะผลิตในประเทศไม่เพียงพอ และต้องอุดหนุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 221,000 ล้านบาท แต่ในปี 2557 มีการปรับสมดุลราคาให้เหมาะสมมากขึ้น และยังดูแลประชาชนโดยการคงราคาแก๊สจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 363 บาทต่อ 15 กิโลกรัม หรือ 21 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่ามีแก๊สในอ่าวไทย แต่ประชาชนใช้แก๊สราคาแพง
นายสนธิรัตน์ ชี้แจงว่า ประเทศไทยใช้แก๊สถูกในภูมิภาคอาเซียน มีเพียง 2 ประเทศที่ถูกกว่าคือกัมพูชาและมาเลเซีย แต่ทั้งสองประเทศใช้ระบบชดเชย ไม่ได้สะท้อนต้นทุนจริงของราคาแก๊ส ซึ่งประเทศไทยเคยใช้วิธีนี้ในอดีต แต่เป็นภาระและสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน ไม่เกิดการสะท้อนต้นทุนที่เหมาะสม
ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่า ราคาแก๊สที่อ่าวไทยต้นทุนราคาถูก แต่ ปตท.คิดกำไรมหาศาล ขอชี้แจงว่า ส่วนต่างราคาโรงแยกแก๊สและราคาในท้องตลาด มีการจัดเก็บเข้าสู่กองทุนเพื่อใช้ชดเชยราคาพลังงานแก๊สเมื่อราคาตลาดโลกสูงกว่าเพดานที่กำหนดไว้ เพื่อรักษาเสถียรภาพแก๊สของประเทศไทย และบริหารโครงสร้างกองทุนน้ำมันในภาวะที่สมดุล ไม่เป็นภาระงบประมาณและไม่เป็นภาระต่อประชาชน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :