ไม่พบผลการค้นหา
เป็นไปได้หรือไม่ สมการตั้ง 'รบ. เพื่อไทย ไร้ 2 ลุง' ก้าวไกลหนุนปิดสวิตซ์ สว. นั่งทำงานสภา พร้อมเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล

หลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองขั้วฝ่ายค้านเดิมชนะการเลือกตั้งรวมเสียงในสภาได้มากถึง 312 แต่กลับถูกกติกาบิดเบี้ยวและเกมการเมืองสกัด ไม่ให้พรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ได้จัดตั้งรัฐบาล และหยุดยั้งไม่ให้ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ 

ภายใต้การร่วมกันของ 8 พรรคการเมือง พรรคก้าวไกลได้ส่งไม้ต่อในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรคเพื่อไทย ที่ชนะเป็นอันดับที่ 2 เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การร่วมกับในกรอบ MOU ของ 8 พรรคการเมืองเดิม 

ช่วงที่ผ่านมาเพื่อไทยได้พูดคุยกับ 5 พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม ผลที่ได้คือไม่มีพรรคใดให้ความร่วมมือสนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทย ที่ยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย มีเพียงพรรคชาติพัฒนากล้าพรรคเดียวที่ยินดีร่วมงานด้วย แต่ก้าวไกลต้องประกาศถอยการแก้ไขมาตรา 112 และก็มี ส.ส.มาเติมเพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น 

การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขอการรับรองจากรัฐสภาเดิมที่วางไว้ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ถูกเลื่อนออกไป ด้านหนึ่งเป็นเพราะผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยกรณีการลงมติของรัฐสภาที่ห้ามไม่ให้มีการเสนอชื่อ ‘พิธา’ ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะยังไม่สามารถพูดคุยเจรจาได้อย่างลงตัว 

สมการที่มีการพูดถึงกันอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็คือ พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาลโดยไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจ และพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยปล่อยให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน 

แนวทางนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งถูกวิจารณ์จากฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยเอง ดูเหมือนแนวทางนี้รังแต่จะทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นพรรคที่ทอดทิ้งเจตนารมของประชาชน 27 ล้านเสียงที่ต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลให้พ้นไปจากมือของ คสช. หรือพรรคการเมืองของ ‘2 ลุง’

อย่างไรก็ตามภายใต้เงื่อนไข ข้อจำกัดต่างๆ สมการการจัดตั้งรัฐบาลที่ถูกประเมินว่ามีโอกาสไปได้น้อยที่สุดก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นทางออกที่ลงตัวในเวลานี้ นั่นคือ การจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยแบบไร้สองลุง โดยอาศัยเสียงพรรคก้าวไกลสนับสนับเพื่อปิดสวิชต์ สว. และยอมเป็นฝ่ายค้าน 

โดยเฉพาะหลังข่าวลือที่หลายฝ่ายไปพบปะหารือกับทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง นักวิเคราะห์และสื่อหลายสำนักเริ่มเปิดสมการความเป็นไปได้ใหม่ 

กล่าวคือ เป็นการจัดตั้งรัฐบาลโดยการนำของพรรคเพื่อไทย 141 เสียง โดยมีพรรคร่วมเป็นพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง เพื่อไทยรวมพลัง 2 เสียง ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง เสรีรวมไทย 1 เสียง

8 พรรคตามสมการใหม่สามารถรวมเสียงได้ 259 เสียง ถือว่าได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

แต่สมการนี้ในการโหวตนายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนจากพรรคก้าวไกลอีกอย่างน้อย 116 เสียงเพื่อเป็นการปิดสวิตซ์ 3 ป. และปิดสวิตซ์ สว.ไปพร้อมๆ กัน โดยเงื่อนไขนี้ ก้าวไกลอาจยกมือให้ แต่ยอมเป็นฝ่ายค้าน ทำงานฝ่ายนิติบัญญัติในสภา

หากสมการนี้เป็นจริง ก็ต้องวัดดูว่าแรงเสียดทานจะมีมากน้อยเพียงไหน และรัฐบาลเพื่อไทยเวอร์ชั่นนี้จะบริหารได้เพียงไหนเพราะกล่าวได้ว่า เราได้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอีกหน