ไม่พบผลการค้นหา
สนช.แขวน ร่าง พ.ร.บ. ข้าว ให้รัฐบาลใหม่พิจารณา ต้องการสร้างสงบสุขให้บ้านเมือง ขออย่าโยงการเมืองสร้างความขัดแย้ง เพราะ "พล.อ.ประยุทธ์" ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ย้ำสักวันหนึ่งจะคิดถึงตน

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ข้าว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า การออกกฎหมายเป็นหน้าที่ของ สนช. ไม่อยากเอาเรื่องการเมืองมาผสมกับการทำหน้าที่ของสนช. ในฐานะคนเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว เห็นเมื่อสังคมยังไม่มีความเข้าใจและปล่อยจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดมากกว่าเดิม จึงขอเลื่อนการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด และคาดว่า สนช.ชุดนี้ จะไม่นำมาพิจารณาอีก และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดต่อไป

นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องว่าอย่าโยงไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.เพราะนายกฯไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยืนยันว่าสนช.ทุกคนรักประเทศเหมือนกัน

“ร่างพ.ร.บ.นี้ยังค้างอยู่ในสภา ถ้ารัฐบาลใหม่เข้ามา จะนำมาพิจารณาก็ได้ ส่วนสนช.ชุดนี้จะไม่หยิบมาพิจารณาแล้ว เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งในสังคม” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

นายกิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการศึกษามา 2 ปีแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาดำเนินการในช่วงนี้ ทั้งนี้ เชื่อว่าสักวันหลายคนจะคิดถึงตนเอง เพราะว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นประโยชน์กับชาวนาและทุกฝ่าย โดยการยกร่างกฎหมายฉบับนี้ได้พิจารณาทุกด้าน ไม่มีกฎหมายฉบับไหนที่เคยกำหนดให้ชาวมาอยู่ในคณะกรรมการชุดใหญ่ถึงห้าคน เพราะเราต้องการให้ชาวนาไปออกนโยบายของเขาเอง

“เราไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งในบ้านเมืองอีกแล้ว ถ้าไปดูในร่างกฎหมายจะเห็นว่าไม่มีอย่างที่พวกเขาเอาไปพูดในเวทีหาเสียง พวกเราสนช.มีหน้าที่ร่างกฎหมาย ไม่มีใครโง่ไปทำร้ายชาวนาอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้เราเห็นแล้วว่าการเมืองเอาไปพูด ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง เช่น การเอาไปพูดชาวนาจะติดคุกเพราะเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าว ทั้งๆที่ร่างกฎหมายไม่มีโทษกับชาวนาเลย มีแต่จะส่งเสริมเท่านั้น” นายกิตติศักดิ์ กล่าว 

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีรายงานออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้ชะลอการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปก่อน นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯ ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง สนช. มีหน้าที่ดูแลความสงบเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในระหว่างการเลือกตั้ง 

“ใครจะมาคัดค้านหรือเห็นด้วย ผมก็เข้าใจ แต่เวลานี้การเมืองเอาประเด็นนี้ไปโจมตีกันแล้วว่าถ้ากฎหมายจะเกิดผลอะไรตามมา ซึ่งผมเห็นว่าจะเป็นเรื่องบานปลาย แต่เชื่อว่าของดีย่อมเป็นของดี ถ้ารัฐบาลหน้าเข้ามาเห็นว่าดีก็น่าจะนำมาพิจารณา” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ในคณะกรรมาธิการวิสามัญประกอบด้วยหลายภาคส่วน และฝ่ายไหนที่เสนอให้มีการปรับปรุง คณะกรรมาธิการวิสามัญก็ดำเนินการแก้ไขให้ จนกระทั่งทุกฝ่ายเห็นว่ามีส่วนดีมากกว่าส่วนเสีย ตนเองไม่พูดว่าร่างกฎหมายข้าวจะดี100%แต่ถ้าไม่มีความขัดแย้ง และกฎหมายฉบับนี้ผ่านไป รัฐบาลเข้ามาก็สามารถแก้ไขได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ช้าไปแล้ว เพราะเราต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุข

“ฝากทุกคนว่าให้ไปดูร่างกฎหมายฉบับนี้จริงๆ แล้วจะวิจารณ์ก็สามารถทำได้เต็มที่ว่ามีโทษกับชาวนาตามที่เป็นข่าวหรือไม่ และสักวันหนึ่งอาจจะคิดถึงกิตติศักดิ์ก็ได้” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ก้าวล่วง พรบ.ข้าว 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ถอนร่าง พ.ร.บ. ข้าวออกจากการพิจารณาและให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ว่า หลายคนมองว่ากฎหมายดังกล่าวมีความจำเป็นเพราะเป็นเพิ่มศักยภาพให้กับอาชีพชาวนา แต่มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ซึ่งนานกรัฐมนตรีไม่สามารถไปก้าวล่วงเพราะเป็นร่างกฎหมายที่เสนอโดย สนช. แต่วันนี้ได้รับรายงานว่า สนช. ขอชะลอร่างดังกล่าวออกไปก่อนเพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม เพราะ สนช.ไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวไปแพร่กระจาย ใช้โอกาสตรงนี้ไปบิดเบือน ซึ่งตนเป็นห่วงพี่น้องเกษตรที่ไม่เข้าใจ 

ส่วนกรณี ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าพ.ร.บ.โรงงาน ที่ผ่านความเห็นชอบจาก สนช. จะส่งผลกระทบในวงกว้าง เพราะลดทอนมาตรการตรวจสอบโรงงาน และจะซ้ำเติมปัญหาเดิมที่มีอยู่ นั้น พลเอกประยุทธ์ระบุว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจง ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะไม่อยากให้ฝ่ายใดเดือดร้อน ซึ่งทุกคนไม่ต้องการกฎระเบียบใหม่ แต่ก็ยังมีปัญหาร้องเรียน

ดังนั้นจึงต้องอยู่ข้อกฎหมายว่าเป็นอย่างไรกฎหมายทุกฉบับมีทางออกเพื่อให้ทุกคนได้มีการปรับเปลี่ยน เพราะหากเดือดร้อนกันทั้งหมดก็ต้องหามาตรการที่เหมาะสมในการดูแล เพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเป็นแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ

ส่วนมีเสียงเรียกร้อง จากภาคประชาชนขอให้เปิดเผยรายชื่อ และเหตุผลของ 142 สนช.ที่โหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.โรงงาน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการลงมติครั้งนี้ ว่า เป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะขณะนี้กฎหมายออกมาแล้ว ที่ผ่านมาผู้ยกร่างก็ยืนยันว่าผ่านการรับฟังความเห็นแล้ว จะมาให้เปิดเผยรายชื่อแบบนี้ไม่ถูกต้อง 

ในฐานะหัวหน้า คสช. ขอให้ทุกคนพิจารณาทางออกอย่างรอบคอบ รับฟังเสียงส่วนน้อยแต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามเสียงใหญ่ และแก้ไขปัญหาให้กับเสียงส่วนน้อยด้วย ซึ่งหากตามใจหมดกฎหมายจะออกมาไม่ได้