ไม่พบผลการค้นหา
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ชี้สถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลต้องออกมาตรการในระดับพิเศษ ไม่แบ่งแยกนักท่องเที่ยว-แรงงาน พร้อมเสนอสธ.ประสานท้องถิ่น กระจายการดูแลในพื้นที่

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือ หมอเลี๊ยบ หนึ่งในผู้ร่วมผลักดันโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ให้ความเห็นต่อสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ผ่านรายการ Voice Go ว่า ทางการไทยต้องมีการรัดกุมในการคัดกรองมากขึ้น เนื่องจากมีการประกาศประเทศสุ่มเสี่ยงเพิ่มขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ประเทศไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย รวมทั้งหมด 47 ราย ดังนั้นทางการต้องมีการป้องกันสูงสุด อย่างเข้มข้นหากพบว่าเข้ามาจากประเทศสุ่มเสี่ยงติดเชื้อ

"เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะออกแบบป้องกัน ไม่ให้ความเสี่ยงเกิดขึ้น ถ้าหากแยกกันเป็นสองส่วน เช่น คนที่มาจากเมืองโรคระบาดในเกาหลีใต้ ต้องมีการตรวจในระดับพิเศษ และต้องกักไว้ในพื้นที่ที่มีความพร้อม หากมาจากเมืองอื่น เสนอว่าให้มีการเก็บข้อมูล โดยสาธารณสุขต้องเชื่อมโยงไปถึง อสม.หรือผู้นำชุมชน ว่าบุคคลนี้เดินทางมาจากเกาหลีใต้ และเฝ้าติดตามว่าปฏิบัติตัวตามมาตรการหรือไม่"

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากเมืองแทกู นพ.สุรพงษ์ เสนอว่าต้องมีการกักกันตัว และควรใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน ระบุเจาะจงพิกัด GPS เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลกันของคนในชุมชน

ส่วนข้อกังวลของกลุ่มแรงงานผิดกฎหมายบางส่วน ที่เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการกักตัว 14 วัน นั้น นพ.สรุพงษ์ เห็นว่า ต้องประเมินสถานการณ์ และต้องมีหลักป้องกันตนเอง อาทิ กรณีมีรายงานว่าพบกลุ่มแรงงานดังกล่าวไม่ยอมกักตัว แต่ตระเวนไปตามห้างสรรพสินค้า ก็จะเห็นว่าทางเจ้าของกิจการดังกล่าว ได้สั่งปิดร้านถือเป็นตัวอย่างนึง ในการตื่นตัวและป้องกันอย่างรัดกุมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ ขณะที่การตั้งศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ของทำเนียบรัฐบาลนั้น นพ.สุรพงษ์ มีความกังวลว่าในสถานการณ์ปัจจุบันต้องมีการแก้ปัญหาร่วมกันและประสานสอดคล้องกัน จึงต้องตั้งคำถามว่าการแบ่งกันทำงานระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ข้อมูล จะมีกระบวนการทำงานทับซ้อนกันหรือไม่


อ่านเพิ่มเติม