ไม่พบผลการค้นหา
กมธ.ทหาร ขอ ทร.ส่งบันทึกการซ่อมบำรุงเรือหลวงสุโขทัย พร้อมบันทึกชูชีพย้อนหลัง 7 วัน เผยมีคำสั่งจาก ทร.ห้ามเรือจม ด้าน 'เสธ.ทร.' แจงไม่เป็นความจริงกระแสนายสั่งไม่ให้เรือจม เร่งเก็บกู้เรือ-ค้นหา 23 ชีวิต

วันที่ 22 ธ.ค. 2565 ที่อาคารรัฐสภา พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) พล.ร.ท.นเรศ วงศ์ตระกูล เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ น.อ.ทศพงศ์ เขาสูง ผู้อำนวยการกองยุทธการ สำนักปฏิบัติการ กรมยุทธการทหารเรือ น.อ.ยอดยุทธ วงษ์วานิช ฝ่ายเสนาธิการ ประจำกรมยุทธการทหารเรือ น.อ.เฉลิมวุฒิ บุญจันทร์ ฝ่ายเสนาธิการ ประจำกรมยุทธการทหารเรือ น.ท.กิตติธัช บุญวัฒนตระกูล นายธงทหารเรือ เข้าชี้แจงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร โดยมีเจ้ากรมอู่ทหารเรือ และโฆษกกองทัพเรือร่วมชี้แจงด้วย

โดยหลังการเช้าชี้แจง พล.อ.ชลธิศ เปิดเผยว่า ประเด็นแรก เรื่องของกำลังพลที่อาจติดอยู่ในเรือที่อับปาง จากการตรวจสอบ ก่อนที่เรือจะอับปางลง กำลังพลทั้งหมด ได้ขึ้นมาอยู่ในบริเวณที่ไม่จมน้ำแล้ว แต่เมื่อเรืออับปางไปแล้วอาจมีพลังดูดของน้ำ โดยขณะนี้ได้มีการส่งหมู่เรือเข้าไปสำรวจและกู้เรือไปถึงพื้นที่แล้ว เป็นเรือลากทำลายทุ่นระเบิด และได้ส่งยานลงไปสำรวจความเสียหายและวิธีเก็บกู้เรือขึ้นมา ซึ่งในการสำรวจครั้งนี้ จะเป็นการค้นหากำลังพลที่อาจถูกพลังน้ำดูดลงไปด้วย

นอกจากนี้ ทางกองทัพเรือยังดำเนินการลาดตระเวนค้นหากำลังพลจำนวน 23 นาย ที่ยังประสบเหตุอยู่ในทะเล ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการปฏิบัติงานร่วมกับกองทัพอากาศ ซึ่งได้สนับสนุนอากาศยาน รวมถึงยังมีการปฏิบัติงานร่วมกับกรมตำรวจ กรมเจ้าท่า และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ปัจจุบันถือว่าเปนชั่วโมงที่ 85 แล้ว 

“ทุกนาทีมีค่า กำลังพลที่อยู่ในน้ำ ก็เปรียบเสมือนครอบครัว เราคิดถึงเพื่อนร่วมงาน พี่น้อง เพราะฉะนั้นจะดำเนินการเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในเรื่องของเรือ อากาศยาน อากาศยานไร้คนขับ และความร่วมมือของทุกหน่วยงาน”

กมธ เสธ ทร -17B2-424B-82B8-3B25C4C9F25E.jpeg

สำหรับการแบ่งพื้นที่สำรวจจากจุดที่เรืออับปาง ได้มีการแบ่งคร่าวๆ กว้างยาว ประมาณ 20 ไมล์ทะเล ซึ่งปัจจุบันมีทิศทางน้ำไหลมาทิศใต้ และทิศทางลมไหลเข้าแผ่นดิน แบ่งพื้นที่เป็นหน่วยย่อยออกมา 15 หน่วยแล้ว และใช้อากาศยานเป็นเครื่องมือหลัก ในการลาดตระเวน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และใช้เรือเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้พบสิ่งของที่มาจาก เรือหลวงสุโขทัยและซากเรืออื่นๆ เป็นการพิสูจน์ว่าการดำเนินการค้นหามีทิศทางถูกต้องแล้ว และจะดำเนินการต่อไป 

เมื่อถามว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือไม่ เสนาธิการทหารเรือ ตอบว่า ได้มีการดำเนินการอยู่ ซึ่งเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้ความจริงปรากฏคือสาเหตุของเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เพราะตั้งแต่ตนรับราชการมา 35-36 ปี ไม่เคยมีพบเจอในลักษณะนี้ กองทัพเรือเองจึงอยากหาสาเหตุ เพื่อดำเนินการแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ย้ำว่ากองทัพเรือเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่าเหตุการณ์เรือสุโขทัยอับปางในครั้งนี้ มีกระแสข่าวสั่งว่านายสั่งไม่ให้เรือจมใช่หรือไม่ เสนาธิการทหารเรือ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ในขั้นนี้จะเสนอข้อเท็จจริงเท่านั้น ความเห็นหรือข้อคิดเห็นต่างๆ ตนไม่ขอพูดถึง 

“มีความเห็นเป็นจำนวนมาก มีเขาเล่าว่า มีคนนี้คิดว่า มีคนนั้นเห็นว่า แต่ต้องดำเนินการสอบสวนและหาข้อเท็จจริง”

มงคลกิตติ์ -05D5-4EBD-B842-59E11F47488D.jpeg

โฆษก กมธ.เผยขอบันทึกการซ่อมบำรุงเรือหลวงย้อนหลัง บันทึกชูชีพย้อนหลัง 7 วัน

ขณะที่ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ โฆษกกรรมาธิการทหาร แถลงผลการเข้าชี้แจงของเสนาธิการทหารเรือและคณะ โดยระบุว่า ทางกรรมาธิการได้ขอข้อมูลบันทึกการซ่อมบำรุงย้อนหลังของเรือหลวงสุโขทัย การใช้งบประมาณในการซ่อมแซม บันทึกข้อมูลการประสานงานระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้การเรือ ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. จนถึงเวลาเรืออับปาง ว่ามีการพูดคุยกันระหว่างผู้บัญชาการทหารเรือกับผู้การเรือหลวงสุโขทัย ในช่วงระยะเวลา 7 ชั่วโมงครึ่งก่อนหน้านั้นอย่างไร 

รวมถึงขอข้อมูลอุทกศาสตร์กองทัพเรือ ว่าขณะนั้นคลื่นมีความสูงเท่าไหร่ ความเร็วลมเป็นอย่างไร และมีการเตือนภัยก่อนออกเรือหรือไม่ รวมถึงบันทึกจำนวนชูชีพย้อนหลัง 7 วัน ว่ามีเพียงพอต่อกำลังพลหลักและกำลังพลเพิ่มเติมหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เรือพังจากจุดใด ต้องกู้เรือให้ได้ก่อนจึงจะสามารถทราบสาเหตุได้แน่ชัด โดยเสนาธิการทหารเรือ ได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย เนื่องจากภัยธรรมชาติที่มีคลื่นสูง 4 ถึง 5 เมตร โดยมีการประคับประคองเรือให้ถึงที่สุดแล้ว

นอกจากนี้ กองทัพยังได้ชี้แจงถึงการเข้าให้ความช่วยเหลือของเรือหลวงกระบุรี และเรืออื่นๆ ที่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้เพราะคลื่นสูงมาก อีกทั้งผู้การเรือหลวงสุโขทัย แจ้งว่าเรือที่เอียงอยู่ระหว่าง 60-80 องศา การอยู่บนเรือจะปลอดภัยกว่าอยู่บนผิวน้ำ ส่วนเฮลิคอปเตอร์ก็ไม่สามารถบินต่ำได้เพราะกระแสลมแรง

"ผู้บังคับบัญชามีความเป็นห่วงตัวเรือมากพอสมควร เนื่องจากในกองทัพเรือจะมีคำสั่งว่า เรือจมไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรือหลักของกองทัพเรือ ทำให้กำลังพลตัดสินใจที่จะปกป้องเรือ จนลืมคิดถึงชีวิตของตนเอง" มงคลกิตติ์ ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถกู้เรือหลวงสุโขทัยขึ้นมาได้หรือไม่ มงคลกิตติ์ มองว่า สามารถกู้เรือได้ 100% แต่ต้องอาศัยเรือของเอกชนช่วยด้วย เนื่องจากต้องใช้เรือขนาดใหญ่และใช้เครนในการยก ส่วนโอกาสที่กำลังพลที่สูญหายจะมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่ ยอมรับว่ามีโอกาสน้อยเนื่องจากผ่านมาหลายวันแล้ว แม้จะมีเสื้อชูชีพก็ตามแต่การทำงานของชูชีพอาจจะมีประสิทธิภาพต่ำลง รวมถึงอุณหภูมิในน้ำทะเลจะมีความหนาวเย็น และยังมีเรื่องสัตว์ใหญ่ในทะเล แต่ก็ยังภาวนาให้พบผู้รอดชีวิต