ไม่พบผลการค้นหา
ธปท.ร่วมสถาบันการเงิน เปิดโครงการ 'DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง' ช่วยลูกหนี้ธุรกิจปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งเป้าหมายช่วยลอตแรกกว่า 8,000 ราย มูลหนี้รวมกว่า 1.1 ล้านล้านบาท

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิด 'โครงการ DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง'  (DR -Debt Restructuring หรือการปรับโครงการสร้าง) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้สถาบันการเงินหลายรายให้ได้รับการบรรเทาภาระหนี้และให้มีกลไกในการจัดการหนี้กับสถาบันการเงินทุกแห่งได้อย่างบูรณาการ ซึ่งจะช่วยลดเวลาให้สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น ผ่านแนวทางแก้ไขหนี้ที่เจ้าหนี้ได้ตกลงร่วมกันในรูปแบบมาตรฐาน และการกำหนดบทบาทของเจ้าหนี้หลักในการดูแลลูกหนี้และประสานกับเจ้าหนี้อื่น

โดยแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจในโครงการนี้จะประกอบไปด้วย การขยายเวลาชำระหนี้ การลดค่างวด หรือการปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ให้สอดรับกับธุรกิจของลูกหนี้ รวมทั้งการพิจารณาให้สินเชื่อใหม่แก่ลูกหนี้ที่มีศักยภาพ มีแผนธุรกิจชัดเจน มีพฤติกรรมชำระหนี้ดี และมีความตั้งใจในการทำธุรกิจ

ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุว่า ในระยะแรกจะให้ลูกหนี้ธุรกิจที่มีหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินหลายรายวงเงินรวมกันตั้งแต่ 50-500 ล้านบาท และมีสถานะปกติ หรือเป็น NPL กับธนาคารบางแห่ง ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2562 เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งต้องไม่ถูกฟ้องคดี (ยกเว้นเจ้าหนี้ถอนฟ้อง) โดยเจ้าหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ คือ สถาบันการเงิน และสถานบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs)

สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาจะมีข้อตกลงของแต่ละสถาบันการเงินให้มีการโหวตเอาเสียงข้างมาก เพื่อสรุปแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ ซึ่งการพิจารณาเจ้าหนี้ที่จะได้เป็นตัวหลักในการปรับโครงสร้างหนี้จะนับจากจำนวนหนี้ที่มีมากที่สุดของลูกหนี้แต่ละราย

นอกจากนี้จะมีคณะกรรมการกลางในการประสานงานกำกับซึ่งประกอบด้วย ธปท. และสถาบันการเงิน กรณีที่มีปัญหาหรืออุปสรรค เช่น ตกลงไม่ได้ หรือมีความเสี่ยงก่ำกึ่ง คณะกรรมการก็จะเข้ามาช่วยดู และเร่งทำให้เกิดการประสานงานเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ

ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการทำได้โดยลูกหนี้สามารถติดต่อสมัครโดยตรงกับสถาบันการเงินหลักที่ใช้บริการหรือสถาบันการเงินแจ้งเชิญลูกหนี้เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2563 เป็นต้นไป ซึ่งเบื้องต้นกลุ่มลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวมีอยู่ประมาณ 8,400 ราย รวมวงเงินหนี้ 1.1-1.2 ล้านล้านบาท

ธปท. แถลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: