วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึง การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ของรัฐบาล ที่อ้างว่ามีการปรับลดงบของกองทัพแล้วและเพิ่มงบในกระทรวงอื่นๆแล้ว นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะยังมีการจัดซื้อ อาวุธยุทโธปกรณ์อยู่ ซึ่งในช่วงเวลานี้จำเป็นหรือไม่ ดังนั้นไม่ใช่แค่ปรับลดงบกองทัพแล้วเพิ่มให้กับกระทรวงอื่น แต่เรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์นั้นควรปรับลดลงมาได้อีก  

พร้อมกันนี้ วิโรจน์ กล่าวถึงเรื่องการบริการฉีดวัคซันแบบวอล์คอิน ว่า การเปิดให้รับวัคซีนแล้วประชาชนลงทะเบียนด้วยความสมัครใจ เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากเป็นการกวาดรายชื่อเพื่อมาลงทะเบียนโดยประชาชนไม่สมัครใจ ก็จะเกิดปัญหาคนมาน้อยกว่าที่ลงทะเบียน และอาจเกิดปัญหาจำนวนวัคซีนไม่เท่ากับจำนวนประชาชน ในส่วนของการวอล์คอินควรเป็นมาตราการเสริมมากกว่า สำหรับในพื้นที่ที่มีวัคซีนเหลือ แต่ถ้าเปิดวอล์คอินเต็มรูปแบบอาจจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นได้

ยืนยันเปิดสภาฯได้ แม้มีโรคระบาด

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องมาตราการป้องกันโควิด-19 ของรัฐสภา ว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และเป็นเรื่ิองที่ ส.ส.ทุกคนควรให้ความร่วมมือ และที่สำคัญที่สุดคือการถ่ายทอดที่ประชุมสภา ก็จะเป็นแบบอย่างให้ประชาชนด้วย ในการอภิปรายที่ต้องใส่หน้ากาก ตนก็ยอมรับว่าอาจจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ไม่ก็ไม่ลำบากที่จะให้ความร่วมมือ เพราะถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนด้วย 

สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น จะมีการหารือร่วมกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่เบื้องต้นมีการหารือกันว่า อาจจะเป็นการอภิปรายทั่วไป แต่เมื่อมองในสถานการณ์แบบนี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นรัฐบาลเช่นนี้ การอภิปรายควรจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่า อีกทั้งการอภิปรายครั้งที่ผ่านมาก็ได้เตือนได้เสนอแนะรัฐบาลไปเยอะแล้ว แต่รัฐบาลไม่ได้นำกลับไปปรับใช้ จนปัญหาเกิดขึ้นกับประชาชนจริงๆ ดังนั้นก็เป็นความสมเหตุสมผลที่จะเกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นได้