การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญเป็นพิเศษ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2ล้านล้านบาท ดำเนินมาเป็นวันที่สามซึ่งเป็นวันสุดท้ายนั้น เมื่อเวลา 17.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เรื่องการเยียวยากรณีน้ำท่วม กระทรวงมหาดไทยจ่ายให้ครัวเรือนละ 5,000 บาทแล้ว ต้องดูแล 32 จังหวัดที่ได้รับกระทบจากน้ำท่วมด้วย พร้อมทั้งยืนยันตอนหนึ่งว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ลงทุนไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัท จึงอยากเข้าใจว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็ได้ เพราะรัฐบาลไม่ใช่เจ้าของบริษัท รัฐบาลมีหน้าที่อำนวยความสะดวกตามกฎหมาย และลดขั้นตอน ซึ่งรัฐบาลต้องให้การสนับสนุนเพื่อให้เกิดการลงทุน อย่างไรก็ตาม ตนตามจิกในทุกๆเรื่องและทุกโครงการ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่าตนขูดรีดภาษีประชาชนนั้น ยืนยันไม่เคยขูดรีดภาษีประชาชน ที่ผ่านมามีการจัดเก็บภาษีตามกฎหมาย กำไรมากก็ต้องเสียมาก แต่ใครจะทำผิดกฎหมายไม่ได้ ไม่ว่าเจ้าไหนทั้งนั้นต้องเสียภาษีให้ครบ ขณะที่นโยบายหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านมูลค่า 2 ล้านล้านบาทก็ทำทั้งหมด และเมื่อมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องพิจารณาว่าแต่ละเรื่องควรทำแค่ไหนอย่างไรเป็นระยะที่ 1 ก่อน วันหน้าก็ค่อยทำต่อไป ไม่ใช่สัญญาแล้วก็ไม่ทำ มันผิดสัญญา ซึ่งทุกรัฐบาลก็เป็นมาแบบนี้เพราะทำไม่ได้จริง จึงต้องมองข้อเท็จจริงแบบตนด้วย เมื่อใครมาเป็นรัฐบาลก็ทำให้ได้ก็แล้วกัน ยืนยันรัฐบาลไม่ถังแตกและมีเงินคงคลังอยู่ แต่ก็ต้องมีเงินสำรองไว้จ่ายก่อนที่ภาษีจะเข้ามา

นายกฯ ขอโทษแจงรวดเร็ว ท่าทีไม่สง่า - ติดใจพูดในสภา

ระหว่างนายกฯชี้แจงนั้น นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่สอง ซึ่งทำหน้าที่ประธานในการประชุม บอกให้นายกฯ พูดสรุปและพูดกับประธาน ไม่ใช่พูดกับสมาชิก ซึ่งนายกฯ ตอบว่า "ขอบคุณครับ บรรยากาศดี ขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้ประเทศชาติ มีความสุขให้ทุกคนมีรอยยิ้ม อย่าทำให้รอยยิ้มหายไป ไม่ว่าจะโกรธจะเกลียดอย่างไรก็ให้เก็บไว้ที่บ้าน"

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงโครงการชิมช้อปใช้ด้วยว่า ได้สำรวจมาแล้วว่ามีใครได้ใครเสีย ตนอยากจะถามว่าใครที่คิดว่ามาตรการดังกล่าวไม่ดี ก็ต้องไปบอกประชาชนเอง เพราะเท่าที่ได้รับรายงาน เขาพอใจ ดูได้จากสถิติที่เข้ามา เรื่องเหล่านี้หลอกลวงกันไม่ได้อยู่แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ ขอโทษประชาชนผ่านการชี้แจงในสภาว่าด้วยเวลาน้อยทำให้ต้องรีบชี้แจงอย่างรวดเร็ว พร้อมย้ำในตอนท้ายว่า "ผมเริ่มชินแล้วแต่ยังเสียงดัง และมีท่าทีไม่สง่างามเหมือนท่าน ผมเป็นของผมอย่างนี้ ผมเริ่มคุ้นเคยแล้ว วันหน้ามาทำงานสภาดีกว่า โก้หรูสวยงาม ไม่ร้อนรุ่ม" ก่อนจบการชี้แจง นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอบคุณ ส.ส.ในสภาเป็นการทิ้งท้าย แม้จะมี ส.ส.ฝ่ายค้านบางคนจะลุกขึ้นชี้แจงไม่เป็นไรที่นายกฯ ชี้นิ้วใส่ ส.ส. แต่เป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันแล้ว

'จิรายุ' ท้วงนายกฯพูดเร็วเกิน ทำงบฯทำร้ายคนจน

เวลา 18.26 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายทักท้วงการจัดทำงบฯว่า นายกฯ ได้พูดเร็วทำให้ประชาชนฟังไม่ทัน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีอำนาจแต่สังคมกำลังมองว่าจะได้รับการยอมรับในการใช้อำนาจหรือไม่ อีกทั้งจัดทำงบฯทำร้ายคนจน ท่านทำงบฯ ไม่เห็นหัวคนและทำงบฯ กบในกะลา ทำเหมือนประเทศไทยมีประเทศเดียวในโลกนี้ ทั้งที่มีประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ทำให้ต่างชาติมองประเทศไทยสมเพช แม้นายกฯจะบอกว่าเข้าสู่ประชาธิปไตยแล้ว แต่ 5 ปีที่ผ่านมาความด้อยอำนาจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจติดลบทุกตัว ส่วนสมัยรัฐบาลสยิ่งลักษณ์ มีต่างประเทศขอส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) 1.65 ล้านบาทแต่หลังรัฐประหารตัวเลขการลงทุนกลับน้อยลง

"รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลเสี่ยตู่ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้วโปรยเข้าไป คือใช้ชิมช้อปใช้ แล้วเงินเข้าสู่ระบบได้ยังไง"

นายจิรายุ ระบุว่ารัฐบาลก่อนหน้าก็เคยทำราคาประกันราคาข้าวเหมือนก็ขาดทุน แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เคยเอามาพูด ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทำจำนำข้าวขาดทุนนั้น อย่ามาตีกินแต่นโยบายของรัฐบาลที่ทำชิมช้อปใช้ ทางฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย การอภิปรายของฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ตรวจสอบเงินภาษีประชาชน หากมีการอภิปรายงบฯ อย่าโทษรัฐบาลชุดที่แล้ว เพราะหากโทษรัฐบาลชุดที่แล้วคือการกำลังโทษรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1

'สุทิน' แถลงทิ้งท้ายซัดจัดงบฯขาดดุล เตือนคนจะตกงานเรือนแสนคน

เวลา 19.15 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายปิดท้ายของฝ่ายค้านว่า 3 ปีที่ผ่านมาและปีหน้านั้น การจัดงบประมาณขาดดุล ปีนี้จัดงบฯ ขาดดุลมา 6 ปีแล้ว นายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ยึดอำนาจก็จัดงบขาดดุลมาตลอด และจะขาดดุลเยอะขึ้น ทำให้มองไปข้างหน้าเมื่อไรจะสมดุล และเมื่อไรจะหมดหนี้หมดสิน ขณะที่การขาดดุลเป็นการขาดดุลที่มากกว่ารัฐบาลในอดีต ขาดดุลเพราะประเทศนี้ รายได้ต่ำกว่ารายจ่ายทำให้ต้องกู้มา ภาพรวมงบฯ เรากำลังเป็นหนี้และขาดดุล ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ทั้งนี้ การขยายตัวเศรษฐกิจโลก โดยปี 2563 เรากำลังอยู่ในภาวะเป็นหนี้สูงที่สุด หนี้ครัวเรือนสูงที่สุด ความเหลื่อมล้ำสูงที่สุด การขาดดุลสูงที่สุด คนตกงานสูงที่สุดกว่า 4 แสนคน คนจบปริญญาตรีจะตกงานอีกกว่า 3 แสนคน

นายสุทิน ระบุว่า ภาพรวมที่น่าสนใจคือ หากเทียบการจัดงบประมาณ 100 บาท งบประจำ 80 เปอร์เซ็นต์ งบลงทุน 20 เปอร์เซ็นต์ แสดงให้เห็นว่างบพัฒนาประเทศมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่งบฯค่าจ้างมีเพียง 80 บาทเท่านั้น ตนต้องทวงที่รัฐบาลยึดอำนาจเข้ามา โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศ การจัดงบประมาณต้องปฏิรูปด้วย ถ้างบลงทุนน้อย ประสิทธิภาพการบริหารงบฯยังน้อย จะไปกู้ภาวะเศรษฐกิจได้อย่างไร อีกทั้งยังลงทุนในส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 

"ปีที่แล้วรัฐมนตรีตอบเองว่าเก็บรายได้เกินเป้าเกิน 1หมื่นล้านบาท แต่ปีนี้บอกจะแสนล้านบาท เกินความเป็นจริง เขายังห่วงว่าจะหาเงินไม่ได้ ส่วนอีอีซีกำลังจะเป็นโฮปเวลล์สอง เพราะต่างชาติไม่มา เมื่ออีอีซีตั้งความหวังแล้วต่างชาติไม่มาเพราะประเทศไม่มีหลักนิติรัฐ หลายอย่างความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่มา ดังนั้นภาครายรับเป็นไปไม่ได้ ไม่เชื่อว่าจะจัดเก็บรายได้อีก 1 แสนล้านบาท ถ้าประมาณการรายรับผิด รายจ่ายก็เป๋" นายสุทิน ระบุ

สวดชิมช้อปใช้ กู้เงินแล้วมุ่งแจกเงินชาวบ้าน

นายสุทิน ระบุว่า สองวันที่ผ่านมามีเสียงเพื่อนสมาชิกบอกว่าภูมิใจชิมช้อปใช้ เที่ยวเมืองรอง แม้ชาวบ้านบอกดี มีการหมุนเวียนของเงิน ตนฝากไปยังรัฐบาล เอาเงินไปแจกชาวบ้านใครไม่ชอบ มันอยู่ที่คนแจกแล้วมีผลกลับมาได้ภาษีคุ้มค่าหรือไม่ มีการหมุนเวียนหรือไม่ เหมือนลุกดีใจอยากให้ลุกหอมแก้มจ่ายเงิน แต่ถ้าจ่ายลูกให้เงินไปทำงานถึงจะให้เงินมีข้อแลกเปลี่ยน ชิมช้อปใช้ทำให้ชาวบ้านดีใจ แต่สิ่งที่น่าคิดคือ มันหมุนกี่รอบ หรือหมุนไปเข้ากระเป๋าใคร มีสมาชิกบอกว่าเข้ากระเป๋าคนรวย มีรายงานของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ หรือ ทีดีอาร์ไอ บอกว่าชิมช้อปใช้และเที่ยวเมืองรองทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนน้อยมาก การใช้จ่ายแบบเฮลิคอปเตอร์มันนี่นั้น มีนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์บอกว่า ถ้ารัฐบาลเก็บภาษีได้เข้าเป้า ควรใช้จ่ายแบบเฮลิคอปเตอร์มันนี่ คือนำเงินไปแจก แต่วันนี้ภาครัฐเก็บภาษีเข้าเป้าหรือไม่ ทั้งที่มีการกู้เงิน ใครบอกว่าดีกู้เงินแล้วมาแจกชาวบ้าน จึงขอให้รัฐบาลคิดใหม่

"ในยุคของแต่ละประเทศสร้างชาติ เขาสร้างด้วยการพัฒนาคนก่อน ปลูกฝังค่านิยมของคนในชาติ จีน และญี่ปุ่นปลูกฝังด้วยการขยันทำงาน อดออม ประหยัด คนอีสานบอกว่า เหงื่อนไม่ตกไม่ได้เงิน ฝากไปถึงนายกฯ การสร้างชาติด้วยการแจกบัตรคนจน ต้องรอเงินไม่ต้องทำอะไรกัน แต่เรื่องนี้จะมีปัญหาระยะยาว สร้างนิสัยคนในชาติไม่ดี แต่ควรลงทุนให้ชาวบ้านหาปลาให้กิน" นายสุทิน ระบุ

อัดรัฐบาลจัดงบฯมั่นคงเยอะ เมินพัฒนาเศรษฐกิจ

นายสุทิน ระบุว่า งบประมาณไปที่ความมั่นคงเยอะ การพัฒนาเศรษฐกิจน้อย แต่ปัญหาคือลงทุนด้านความมั่นคง ตนเรียนนายกฯเป็นทหารเก่า ศึกษาการทำสงครามโลกมาเยอะ ก่อนสงครามโลกครั้งที่่สอง หลายประเทศสั่งสมเงินซื้ออาวุธเยอะ ตอนนั้นหลายประเทศสะสมอาวุธ ทำให้ประเทศจน ประชาชนไม่มีกิน เพราะอาวุธไม่ก่อให้เกิดรายได้ หลายประเทศยอมจนเพราะกลัวฆ่ากัน พอสงครามโลกครั้งที่สองสงบ หลายประเทศตัดงบฯทำสงครามออกแล้วนำงบฯมาพัฒนาเศรษฐกิจโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ที่ตัดงบกลาโหมออกมาพัฒนาเศรษฐกิจ ส่วนประเทศไทยไม่ฉวยการตัดงบกองทัพมาพัฒนาเศรษฐกิจ งบฯกระทรวงกลาโหมเพิ่ม 6 พันล้านบาท แต่งบกระทรวงศึกษาธิการกลับลดลงเยอะ แล้วงบฯมหาวิทยาลัยลดลงหมด เราจะพัฒนาคนหรือพัฒนาอะไร

นายสุทิน ระบุว่า งบกลางตั้งไว้จำนวนมาก ท่านนายกฯบอกมีรายจ่ายเยอะอยู่แล้ว งบกลางของรัฐบาลสูงขึ้นเยอะ เพราะตรวจสอบไม่ได้ นักบริหารไม่นิยมทำงบกลางเยอะ มีการตั้งข้อสังเกตว่าจัดทำงบกลางไว้ใช้กรณีเหมืองอัครา ในกรณีที่ต้องถูกชดใช้หากแพ้คดี

นายสุทิน เสนอแนะให้รัฐบาลยอมรับความจริง ถ้าไม่ยอมรับความจริงก็ล้มเหลวตั้งแต่ต้น ความจริงที่อยากให้ยอมรับคือเศรษฐกิจมีปัญหา ยอมรับว่าชาวบ้านลำบาก ยอมรับว่าค้าขายไม่ได้ ชาวบ้านยากจน ถ้ายอมรับข้อนี้เราจะยิ้มมีความหวัง แต่ท่าทีท่านปฏิเสธ อยากจะให้รัฐบาลยอมรับความจริง และเกลี่ยงบฯใหม่ได้หรือไม่ งบฯทั้งหมดที่ฝ่ายค้านแนะนำถูกต้องอยากให้เกลี่ย และอยากให้เกลี่ยมาที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจลดงบฯด้านความมั่นคงลง เกลี่ยอีกราชการรวมศูนย์พอกทุกกระทรวงไปพอกที่บริหารจัดการให้เกลี่ยไปที่ปลายทางได้ไหม การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ คือ ประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรคท ที่นายกฯ บอกไม่ได้พูด 30 บาท มันก็คืออันเดียวกันกับหลักประกันสุขภาพ และเสนอให้ทำกองทุนประกันสุขภาพชาวบ้าน 

ลั่นให้โอกาสรัฐบาลไปปรับปรุงงบฯ ให้โหวตผ่านงบฯวาระ 1 ขู่ไม่ปรับงบฯ เจอโหวตคว่ำวาระ 3

นายสุทิน ย้ำว่า ถ้าประมาณการรายรับต่ำ ผิดเป้าสิ่งที่ชาวบ้านกลัวที่สุด คือกลัวรัฐขึ้นภาษีและกลัวกู้ ตนเสนอแนะท่านไม่ต้องกู้เพิ่ม ขึ้นภาษีชาวบ้าน เสนอแนะว่า ท่านไปปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงบฯ ที่เคยค้างท่อ ให้เบิกจ่ายโดยเร็ว จะทำให้งบฯหมุนเวียนในตลาด ภาษีจะมามาก ถ้าประสิทธิภาพบริหารงบฯ เป็นแบบนี้ภาษีก็ไม่มา ประเทศเราจนต้องกู้เงินเพิ่ม ใช้ไม่ทัน ใช้ทันใช้ไม่ถูก"

"ไม่อยากเห็นนายกฯ ยุบสภา หรือลาออก ไม่ได้ลาออกเป็นเกม แต่อยากได้งบประมาณดีที่สุด ต่อไปนี้ที่รัฐบาลต้องฟัง อยากรู้ว่าเราจะโหวตแบบไหน ที่ว่ากันมาทั้งหมด เรียนตรงๆถ้าจะยกมือให้ก็ทำใจลำบาก ถ้าจะยกมือให้ตก เราก็ห่วงประเทศ และชาวบ้านรอใช้เงิน ยิ่งช้ามา 4 เดือนด้วย ดังนั้นจะยกมือให้ทำใจลำบาก จะยกมือให้ตกก็ใจไม่ด้านพอ ใจไม่แกร่งพอ วันนี้จึงขอท่านให้โอกาสท่าน เราจะให้โอกาสท่านผ่านไป แต่มีข้อแม้ว่าในวาระ 2 หวังว่าเราจะช่วยท่านทำให้ดี แก้ให้มากที่สุด ไม่ได้รื้อทั้งฉบับ แต่วาระที่ 2 ถ้าทำได้ พวกผมจะยกมือให้ผ่าน แต่ถ้าวาระ 2 ไม่ทำ ทำต่างจากนี้ วาระที่ 3 ขอสงวนสิทธิคว่ำเลย เลือกตั้งซ่อมคราวหน้ามือพวกผมอาจจะเยอะขึ้นก็ได้ ฝ่ายค้าน 7 พรรคจะให้โอกาสกับชาวบ้านและรัฐบาลไปทำตามที่พวกเราเสนอะแนะแล้ววาระ 2-3 มาว่าอีกที"

มติสภาฯ 251 เสียงปริ่มน้ำเห็นชอบรับหลักการ พ.ร.บ.งบฯ

เวลา 20.30 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติในวาระที่ 1 โดยมติ 251 เสียง เห็นชอบให้รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ.2563 โดยมี 234 เสียงงดออกเสียง ขณะที่ 1 เสียง ไม่ลงคะแนน โดยมี ส.ส.เข้าร่วมประชุม 486 คน

จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 พร้อมประชุมกมธ.วิสามัญ ในวันที่24 ต.ค. เวลา 10.00 น. ห้องประชุมงบฯ ห้อง 416-417 อาคารรัฐสภา เกียกกาย

โดยก่อนปิดประชุมฯ โดยก่อนปิดการประชุม น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าผลลงคะแนนไม่เป็นไปตามที่เสียบบัตรลงคะแนน จากที่ต้องการงดออกเสียงแต่ผลลงคะแนนกลับเป็นเห็นด้วย จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรบันทึกไว้ในที่ประชุม

เวลา 20.56 น. ที่ประชุมสภาฯ ได้ให้ ส.ส.ยืนขึ้นรับพระบรมราชโองการ พ.ร.ฎ.ปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2562 ที่ให้ไว้ ณ วันที่ 26 ก.ย. 2562

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• 'อนาคตใหม่'แจงงดออกเสียงโหวตงบฯ - 'ธนาธร' นำทีมนั่ง กมธ.ห่ันงบฯ