วันที่ 9 ก.ค. 2566 รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง ม.เกริก โพสต์เฟซบุ๊กจดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะต้องลงเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ว่า คือวันที่ท่านจะได้ใช้อำนาจตามตำแหน่ง ชี้ชะตาประเทศไทย การตัดสินใจลงมติของท่าน จะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ ประชาชน และตัวท่านเอง โดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนน14,438,851 คะแนน ได้ส.ส. รวม 151 คน เป็นพรรคที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง จึงเป็นความชอบธรรม ที่จะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามฉันทามติของประชาชน
ข้อกล่าวหาทั้งหลายต่อตัว พิธา ล้วนเป็นเพียง “ข้อกล่าวหา” ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า “ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลย ไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด แสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้น เสมือนเป็นผู้กระทำผิดมิได้”
กรณีพิธา ยังไม่มีศาลใดพิพากษา หรือแม้แต่ประทับรับฟ้อง ย่อมถือว่า พิธา เป็นผู้บริสุทธิ์ จึงเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ที่จะได้รับการลงมติให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หากท่านส.ว.เลือกที่จะลงมติตามเจตจำนงของมหาชน โดยเห็นชอบให้พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศก็จะเดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตยต่อไป ประชาชนย่อมยินดี ที่เสียงของพวกเขาได้รับการตอบสนอง ในฐานะเจ้าของประเทศ บ้านเมืองก็จะสงบสุข ไม่มีการเมืองบนท้องถนน ตัวท่านเอง ก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็น ส.ว.ผู้กล้าหาญ มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย เป็นอิสระจากระบบอุปถัมภ์ทั้งปวง ครอบครัวของท่านก็จะได้รับการยอมรับนับถือจากสังคม
ผิดจากนี้ ท่านอาจตกเป็นจำเลยของสังคม ในข้อหา เป็นผู้ขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตยของประชาชน ท่านเลือกได้ ที่จะให้ประวัติศาสตร์จดจำชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของท่าน ในฐานะ วีรบุรุษประชาธิปไตย ที่สังคมจะยกย่องสรรเสริญตลอดไป หรือจะเป็นโมฆบุรุษ ที่จะถูกสังคมประณาม ตราบชีวิตจะหาไม่
“ท่านส.ว.ทั้งหลายโปรดตระหนักว่านี่คือช่วงเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย สู่ยุคประชาธิปไตยแบบอารยะ เป็นช่วงเวลา ประวัติศาสตร์ ที่ท่านร่วมสร้างให้แก่ชาวไทยทั้งประเทศ การลงมติของท่าน จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ที่ลูกหลานจะกล่าวขาน แซ่ซ้องตราบนานเท่านานด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธา รศ.ดร.นันทนา ระบุ