ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อท.256/2563 ที่ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ รอง ผบก.อก.ภ.9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ขณะเกิดเหตุ เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157
กรณีใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้าย พ.ต.อ.ไพรัตน์ จากตำแหน่งรอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี ไปเป็น รอง ผบก.อก.ภ.9 โดยไม่เป็นธรรม มีมูลเหตุจูงใจด้านอื่น คดีนี้ศาลชั้นต้นได้สั่งยกฟ้องชั้นตรวจคำฟ้อง เนื่องจากว่าโจทก์ได้ทำการร้องทุกข์ต่อ ก.ตร. ขอให้กลับไปทำหน้าที่ใน บช.ภ.7 คดียังอยู่ระหว่างดำเนินการของ ก.ตร.เกี่ยวกับข้อร้องทุกข์ดังกล่าว โดยยังไม่มีคำสั่ง จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ์ ในชั้นนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องดังกล่าวต่อ
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว พบคดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปัญหานี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการโยกย้ายโจทก์ในวาระประจำปี 2562 จำเลยพิจารณาปรับย้ายโจทก์ข้ามภาคเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่หน่วยต้นสังกัดเสนอมา โดยศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤมิชอบ เห็นเป็นการจำเป็นต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 43 เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นรับคดีนี้ไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้อง ในชั้นนี้จำเลยยังไม่ต้องมาศาล โดยขั้นตอนไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยสามารถแต่งตั้งทนายมาเพื่อมาซักค้านพยานฝ่ายโจทก์ที่มาไต่สวนได้