วิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีบอส อยู่วิทยา เปิดเผยภายหลังการเข้าพบนายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้ถือเป็นวันครบกำหนดเวลาทำงานเป็นที่เรียบร้อยและสมบูรณ์ ส่วนบทบาทของตนหลังจากนี้จะมีการติดตามผลคดีของบอสว่าจะเป็นไปอย่างไร และติดตามเรื่องกฎหมายในรัฐสภาว่าจะเป็นการปฏิรูปองค์กรตำรวจเป็นครั้งแรกหรือไม่
ถือได้ว่าเป็นการยุติบทบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับยืนยันว่าแต่ละองค์กรไม่ได้นิ่ง ได้ดำเนินการของแต่ละองค์กรไป โดยดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว และในส่วนป.ป.ช.ได้รับสำนวนดังกล่าวเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำไปไต่สวน และยังยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีล้ม รอเพียงว่าจะได้ตัวผู้ต้องหามาเมื่อไร ในส่วนความผิดนอกสำนวนนั้น อัยการตั้งคณะดำเนินการเพื่อฟ้องร้องเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้มีการหารือเรื่องการปฏิรูปตำรวจ โดย วิชา ระบุว่า นายกรัฐมนตรีรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด โดยมีข้อสังเกตเรื่องข้อกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่าน ครม.ไปแล้วเหตุใดมาถึงครม.แล้วส่งไปให้หน่วยงานต่างๆพิจารณา แต่กลับหายไปเป็นเดือนแล้วกลับมาแก้ไข ซึ่งได้มีการชี้แจงไปแล้วว่า ประเด็นที่ไม่ควรเปลี่ยนแปลงใน พ.ร.บ.ตำรวจคือระบบอาวุโส ความรู้ความสามารถ
ขณะที่สายสอบสวนต้องมีความรู้ความชำนาญ มีความเป็นอิสระ รวมถึงได้รับค่าตอบแทนพิเศษ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่ขัดข้องในส่วนที่ต้องมีความเป็นอิสระ แต่เรื่องระบบการแต่งตั้งตำรวจมีกระบวนการไม่เป็นไปหลักอาวุโสนั้นมีมานาน โดยอาจใช้วิธีการเพิ่มบทเฉพาะกาล เพื่อเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่าน โดยความชัดเจนขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากต้องส่งกระทรวงการคลังพิจารณาร่วมเพราะเป็นกฎหมายใหญ่ ซึ่งยังมีเวลาในการปรับแก้เมื่อเข้าสู่สภาฯ โดยยืนยันว่า 2 หลักนี้ต้องปรากฎอยู่ในกฎหมาย แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ตำรวจเองต้องการปรับแก้
พร้อมกับได้มีการหารือในเรื่อง พ.ร.บ.สอบสวนคดีอาญา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับไว้ เพื่อปรับแก้รวมไปถึงร่างแก้ไขพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 ที่ก่อนหน้านี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้แก้ไขตัดอำนวจผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาข้อขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งกลายเป็นว่าตำรวจมีอำนาจครอบคลุมทั้งหมดโดยขอให้กลับไปเหมือนเดิม ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถโต้แย้งได้ เนื่องจากที่ผ่านมาฝ่ายปกครองไม่พอใจมาตลอดในการท้วงติงแทนราษฎร
นอกจากนี้ยังมีการเสนอพิจารณาแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.นิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ที่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเสนอมา ซึ่งสนับสนุนให้แก้ไขโดยเร็ว และแก้ไข พ.ร.บ.บริการนิติวิทยาศาสตร์ ของกระทรวงยุติธรรม ให้สามารถใช้งานได้แม้ว่าทางตำรวจจะตรวจสอบจนผลเป็นที่ยุติแล้ว หากคู่ความไม่พอใจก็สามารถให้บริการจากของกระทรวงได้ เพื่อให้คานอำนาจกัน และนายกรัฐมนตรีเห็นสมควร เปลี่ยนกระบวนการยุติธรรมจากระบบกล่าวห เป็นระบบไต่สวน นำไปสู่การถกกันต่อไปเนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ที่จะเปลี่ยน โครงร่างกระบวนการยุติธรรมใหม่ทั้งประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: