ไม่พบผลการค้นหา
'บอริส จอห์นสัน' นายกฯ อังกฤษ ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า รัฐบาลพรรคอนุรักษนิยม 'มีอำนาจเต็มที่' ผลักดันให้อังกฤษเริ่มกระบวนการถอนตัวจากอียูในเดือน ม.ค.

ผลนับคะแนนการเลือกตั้งทั่วไปของสหราชอาณาจักร ซึ่งลุล่วงไปแล้วกว่าร้อยละ 80 ปรากฏว่า 'พรรคอนุรักษนิยม' ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล ชนะการเลือกตั้งกว่า 356 เขต และมี ส.ส.ในสภาเกินกึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 650 ที่นั่ง ทั้งยังมีแนวโน้มว่าพรรครัฐบาลจะมีคะแนนเพิ่มขึ้นอีกเมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ

'บอริส จอห์นสัน' นายกรัฐมนตรีอังกฤษแห่งพรรคอนุรักษนิยม ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยระบุว่า ผลการลงคะแนนครั้งนี้สะท้อนว่ารัฐบาลพรรคอนุรักษนิยมได้รับอำนาจเต็มที่ (จากประชาชน) ให้เดินหน้ากระบวนการเบร็กซิตให้สำเร็จ และจอห์นสันเป็นผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) มาตั้งแต่ต้น

ขณะที่ 'เจเรมี คอร์บิน' หัวหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งหาเสียงด้วยการเสนอนโยบายลงประชามติครั้งใหม่เกี่ยวกับกรณีเบร็กซิต รวมถึงเสนอแนวทางการปฏิรูประบบสาธารณสุข มี ส.ส.ในสภาอย่างน้อย 201 ที่นั่ง

AFP-เจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงานอังกฤษ สบตากับหัวหน้าพรรคเบร็กซิต ซึ่งได้คะแนนเลือกตั้งน้อยกว่าที่คิดทั้งคู่.jpg
  • เจเรมี คอร์บิน (ซ้าย) หัวหน้าพรรคแรงงาน สบตากับผู้สมัครพรรคคู่แข่ง

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่พรรคแรงงานภายใต้การนำของคอร์บินแพ้การเลือกตั้งในเขตที่พรรคเคยเป็นฝ่ายชนะ โดยครั้งนี้เสียที่นั่งอย่างน้อย 55 เขตทั่วประเทศ จึงมีแรงกดดันภายในพรรคให้เขาสละตำแหน่ง แต่คอร์บินยืนยันว่า เขาจะไม่นำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 3 ขณะเดียวกันก็ยังไม่รับปากว่าจะสละตำแหน่งหรือไม่

ส่วน 'นิโคลา สเตอร์เจียน' นายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์ หัวหน้าพรรค SNP มีคะแนนเลือกตั้งสูงเป็นอันดับ 3 รองจากพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงาน โดยพรรค SNP มีที่นั่งในสภาแล้ว 48 ที่นั่ง และเป็นการชนะในเขตอื่นๆ เพิ่มจากการเลือกตั้งครั้งก่อน 14 ที่นั่ง

ADP-นิโคลา สเตอร์เจียน นายกสกอตแลนด์ หัวหน้าพรรค SNP ได้ที่นั่งในสภาเพิ่มกว่า 14 เขตในการเลือกตั้ง 12 ธ.ค.2019.jpg
  • นิโคลา สเตอร์เจียน (ที่ 3 จากซ้าย) หัวหน้าพรรค SNP และนายกฯ สกอตแลนด์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักรครั้งนี้ถูกประเด็นเบร็กซิตกลบเรื่องสำคัญทางสังคมอื่นๆ ไปจนหมด เพราะเบร็กซิตเป็นเรื่องที่ค้างคามาตั้งแต่การลงประชามติเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ตามกำหนดการเดิม อังกฤษต้องออกจากการเป็นสมาชิกอียูในวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของจอห์นสันไม่ได้รับความเห็นชอบผ่านมติสภา เขาจึงยื่นเรื่องต่ออียู ขอเลื่อนกำหนดเบร็กซิตออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 2563 และจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดเพื่อขอความเห็นจากประชาชนในวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของพรรคอนุรักษนิยมอังกฤษไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่า กระบวนการเบร็กซิตในปีหน้าจะดำเนินไปอย่างราบรื่น เพราะประเทศสมาชิกอียูยังไม่ได้เห็นชอบแผนดำเนินการเบร็กซิตแบบไม่มีข้อตกลงใดๆ ที่อังกฤษเสนอไปก่อนหน้านี้

อียูและรัฐบาลอังกฤษต้องหามติร่วมกันให้ได้ในกรณีที่เกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้า รวมถึงจะต้องหารือเรื่องการพิจารณาปรับเปลี่ยน 'สิทธิประโยชน์' ที่อังกฤษเคยได้รับจากสภาพเศรษฐกิจแบบ 'ตลาดเดียว' (single market) ของอียู

ที่มา: DW/ The Guardian/ Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: