1 ก.พ.ที่ผ่านมาคือวันครบรอบ 1 ปีการก่อ #รัฐประหารเมียนมา ภายใต้การนำของพลเอกอาวุโส มินอ่องหล่ายน์ ที่ตั้งตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการเดินหน้ากดดันจากนานาชาติให้ยุติการสังหารประชาชนและคืนความสงบให้กับบ้านเมือง สิ่งที่หัวหน้าคณะรัฐประหารผู้นี้เลือกทำคือการประกาศ ‘สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก’ แทน
Nikkei Asia รายงานว่า พระพุทธรูปปางนั่งสมาธิที่กำลังก่อสร้างตั้งอยู่ในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา มีกำหนดแล้วเสร็จในปีนี้ โดยจะมีความสูงมากถึง 19 เมตรและจะกลายเป็นพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิที่ทำจากหินอ่อนซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสำนักข่าวของรัฐบาลเมียนมาชี้ว่าจะกลายเป็นสถานที่กราบไหว้บูชาของคนในชาติเพื่อ "ความสงบสุขและความมั่นคงของประเทศ"
MAL showing off the development on the construction of his pagoda to his SAC gang. pic.twitter.com/NLQ8TuIOhm
— M Thaw (@mthaw_mm) November 12, 2021
สำนักข่าว Aljazeera ชี้ว่านี่คือหนึ่งในแนวทางที่มินอ่องหล่ายน์ต้องการใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองในฐานะ "ผู้ปกป้องพระพุทธศาสนา" พร้อมการเดินหน้าเผยแพร่ภาพเข้าวัดอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในปีที่ผ่านมาเพียงไม่นานหลังการก่อรัฐประหารเกิดขึ้น เพราะเชื่อว่านี่คือ 'เครื่องมือ' ที่มีประสิทธิภาพต่อจิตใจชาวเมียนมา
สำนักข่าว MyanmaNow รายงานเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2564 ว่า มินอ่องหล่ายน์เดินทางไปพบเจ้าอาวาสกะวิดะซะ อดีตประธานมูลนิธิที่มีแนวคิดฝักใฝ่แนวคิดชาตินิยมสุดโต่ง 'ปะยะฮิตะพุทธธรรม' ที่ก่อนหน้านี้ในปี 2562 ถูกพรรค NLD ของอองซานซูจีสั่งยุบเนื่องจากเป็นมูลนิธินี้สืบทอดเจตนารมย์ต่อจากกลุ่มพระสงฆ์ ‘มะบ๊ะต๊ะ’ ที่มีประวัติเคยปลุกระดมกระแสความเกลียดชังชาวมุสลิมในเมียนมา
ขณะที่ประชาไทรายงานว่าในวันที่ 31 พ.ค.2564 มินอ่องหล่ายน์ก็ยังได้เข้าพบพระกะวิดะซะ เจ้าอาวาสวัดซะแหว่กะบิน ในเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ผู้ซึ่งเป็นพระฝ่ายสนับสนุนกองทัพพม่าและต่อต้านรัฐบาลพลเรือนของอองซานซูจีอีกด้วย ถือเป็นภาพที่ผู้นำรัฐประหารต้องการนำเสนอให้ประชาชนในเมียนมา ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธได้เห็นว่าเขามีใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอยู่เสมอ
นอกจากนั้นในวันที่ 30 ต.ค.2564 เกิดเหตุกองทัพเมียนมากระหน่ำยิงปืนใหญ่โจมตีหมู่บ้านในเมืองทานตะลางของรัฐชิน จนมีเพลิงไหม้ขนาดใหญ่เกิดขึ้น บ้านเรือนประชาชน 80-100 หลังคาเรือนถูกเผาวอดวาย ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันก็ปรากฏภาพของมินอ่องหล่ายน์เดินทางไปเข้าถวายสักการะและทำบุญในหลายวัดของมัณฑะเลย์ หนึ่งในนั้นคือการเข้ากราบไหว้พระผู้ใหญ่ของประเทศอย่าง ภัททันตะกุมาระภิวังสะ ประธานเถรสภาพม่ารูปปัจจุบัน
การเดินสายเข้าวัดทำบุญของมินอ่องหล่ายน์อาจดูขัดแย้งกับการใช้ความรุนแรงกับประชาชนอย่างไม่ยั้งมือ หลายครั้งโลกได้เห็นภาพอันโหดร้ายที่แม้แต่ 'เด็กเล็ก' หรือ 'ทารก' ก็ถูกสังหารอย่างเลือดเย็น ซึ่งขัดต่อหลักศีล 5 ในพระพุทธศาสนาตั้งแต่ 'ข้อแรก'
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า หรือ The Assistance Association for Political Prisoners (AAPP) ระบุว่าปัจจุบันมีพลเรือนถูกฆ่าโดยคณะรัฐประหารไม่น้อยกว่า 1,503 ราย
ขณะที่รายงานของ Media Monitor Collective ชี้ว่ามีประชาชนอย่างน้อย 2,164 รายถูกสังหาร บ้านเรือนอย่างน้อย 2,265 หลังได้รับผลกระทบ ซึ่งหมายรวมถึงการถูกเผาทำลาย มีพื้นที่ทั้งหมด 33 เขตในเมียนมาได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพเมียนมา
เมื่อแจกแจงลงไปในรายละเอียดแล้ว มีประชาชนถูกยิงจนเสียชีวิตอย่างน้อย 1,175 ราย ถูกสังหารหมู่และเผาทั้งหมด 607 ราย นอกจากนี้ มีประชาชนถูกสังหารจากการปราบปรามการประท้วงอย่างน้อย 181 ราย เสียชีวิตระหว่างการถูกควบคุมตัวเพื่อสอบสวน 135 ราย และเสียชีวิตจากการถูกโจมตีทางอากาศ 114 ราย
ทั้งนี้ มีประชาชนอย่างน้อยนับหมื่นรายถูกจับกุมตัว กว่า 8,000 คนยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของกองทัพเมียนมา ขณะที่ประชาชนชาวเมียนมาต้องพลัดถิ่นจากการโจมตีของกองทัพเมียนมาอย่างน้อย 701,425 คน