วันที่ 22 ธ.ค. 2565 ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นว่า ปีใหม่ 2566 นี้ รัฐบาลควรทำให้พี่น้องประชาชนมีรายได้มากๆ สามารถดูแลครอบครัว มีฐานะดีขึ้น หมดหนี้สิน มีอนาคตที่สดใสตามจินตนาการและความใฝ่ฝัน โดยรัฐบาลต้องสร้างความเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจไทยให้สูงขึ้นเป็น6-7% เทียบกัน 2-3% ในปัจจุบัน
การที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตสูงนั้น รัฐบาลต้องมีผู้นำที่ฉลาด พูดมีเหตุผลน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์และมีทฤษฎีเบื้องหลังที่ลึกซึ้ง เพื่อให้คนทั่วโลกเชื่อมั่น นำเงินมาลงทุนมากๆ มีคนมาท่องเที่ยวมากมาย
ดร.สุชาติ เสนอนโยบายหลักเพิ่มขึ้น 3 ประการ เพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นเจริญขึ้นได้มากๆ คือ (1) "นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน" โดยให้รัฐบาลรักษาค่าเงินบาทให้แข่งขันสามารถขายสินค้าและการท่องเที่ยวได้มากๆ ได้เงินเหรียญฯ มาแล้วแลกเงินบาทได้มากขึ้น ทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้น รายได้ประชาชนมากขึ้น เศรษฐกิจเจริญเติบโตสูงขึ้น ประชาชนมีเงินมีทองใช้ มีเงินเก็บออมเพื่ออนาคตและลูกหลานได้มากขึ้น การที่ประเทศเจริญเติบโตสูงขึ้นจะมีผลให้การใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น มีการซื้อเครื่องมือเครื่องจักรใหม่ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า
(2) "นโยบายการเงิน" ให้รัฐบาลดูแลดอกเบี้ยที่แท้จริง(ดอกเบี้ยหักด้วยเงินเฟ้อ) ให้ต่ำๆ ไว้เพื่อเพิ่มการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของรัฐบาล เอกชนและประชาชน ให้ "กำหนดกรอบเงินเฟ้อเป็น 3-4%" เพื่อให้ค่าเงินบาทแข่งขันได้ ส่งสินค้าออกและท่องเที่ยวได้มากขึ้น ทำให้ค่าแรงและรายได้คนไทยเพิ่มขึ้นซึ่งจะเพิ่มขึ้นสูงกว่ารายจ่ายอย่างมาก หากเรากดเงินเฟ้อต่ำๆ เหลือ 2% ประเทศจะไม่เจริญเติบโต เงินเดือนและค่าแรงงานจะไม่ขึ้น
(3) "นโยบายการคลัง" ให้รัฐบาลลดรายจ่ายบริหาร, ลดจำนวนกระทรวง กรมกองและหน่วยงานซ้ำซ้อน, ลดการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตนเอง และลดการจัดงานอีเว้นท์, เลิกใช้จ่ายเงินภาษีแบบไม่มีสาระ, เลิกซื้อปืน ซื้อเรือดำน้ำ ซื้อเครื่องบิน ซื้ออาวุธแพงๆ; แล้วปรับเปลี่ยนเงินภาษีเหล่านี้ เป็นเงินรักษาพยาบาล, เงินการศึกษา, เงินบำนาญและสวัสดิการประชาชน, ให้รัฐบาลนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างบริการพื้นฐานและระบบดิจิทัลของประเทศ ให้ลดขนาดรัฐบาลให้เล็กลง ให้ท้องถิ่นบริการประชาชนมากขึ้น ลดเลิกราชการส่วนภูมิภาค, ลดการเก็บภาษี และลดการสร้างหนี้ให้ประชาชน ศ.สุชาติ กล่าว